วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

พาเที่ยว...เว้ ฮอยอัน ดานัง (เวียตนาม) ครบ จบในทริปเดียว!! ที่กิน ที่เที่ยว ที่นอน ของฝาก

ต้องเกริ่นก่อนว่า
นี่เป็นประสบการณ์ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน
ครั้งแรกของเนย
ที่ผ่านมาไปไกลๆ มาตลอด
แต่เนื่องจากทำงานประจำแล้ว
ครั้นจะไปเที่ยวไกลๆ ลาหลายๆ วัน
ก็เกรงใจที่ทำงาน
ทริปเพื่อนบ้าน จึงเป็นทริปที่น่าสนใจขึ้นมาทันที!!


และเนื่องจากค่อนข้างปุปปับ
ไม่มีเวลาเตรียมตัวอะไรมาก
จึงเอาประเทศที่คุณแม่อยากไปก่อน
นั่นก็คือ...   "เวียตนาม"  





แต่เวียตนามเนี่ยมันมีความพิเศษอยู่นิดนึงนะคะ
คือมันจะแบ่งเป็น
- เวียตนามเหนือ
- เวียตนามกลาง
- เวียตนามใต้
ซึ่งแต่ละที่ก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ก็เลยขอเลือกเป็น   "เวียตนามกลาง"   ก่อน
อะไรที่เป็นกลางๆ คิดว่าน่าจะดี ฮ่าๆๆๆๆๆ


เอาล่ะ ไปทั้งที
ก็อยากจะเก็บให้ครบ
มีไฮไลท์อะไร ที่ไหนต้องไป
อะไรต้องทำ มันต้องอยู่ในทริปเดียวนี้ให้หมด!!

ก็เลยมาได้ทริปที่ชื่อว่า
"มหัศจรรย์ บาน่าฮิลล์ สวรรค์แห่งเมืองดานัง
นั่งกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาบาน่าฮิลล์
 พักบาน่า 1 คืน
ฟรี บุฟเฟ่ต์นานาชาติบาน่าฮิลล์และ SEAFOOD
ชมเมืองเว้ เมืองฮอยอัน
พิเศษนั่งเรือกระด้ง + นั่งรถซิโคล่ "

คือแบบ...ครบค่ะ!!

4 วัน 3 คืน
ในราคา 13,900 บาท/คน 
บิน Air Asia ฟรีอาหารบนเครื่องทั้งไปและกลับ

แถมฟรี ชุดซินจ่าว
(ประกอบด้วยร่ม เสื้อยืด คู่มือการเดินทาง 
พัด และกระเป๋าผ้า)

อะไรมันจะฟรีเยอะปานน้านนนนน
คุ้มกว่านี้ไม่มีแล้วค่า!!!


............................................................

ร่ายมาซะเพลิน กำลังโดนมนต์สะกดของฟรี
มาเข้าเรื่องกันซะทีเนอะ

ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง
ตอน 7.30 น.
ถึงสนามบินดานัง ตอน 11.30 น.

ปล. เวลาเวียตนามเท่ากับที่ไทย





มาถึงสนามบิน แนะนำให้ซื้อซิมที่นี่เลยนะคะ
เน็ตเร็วและแรงมากค่ะ

เนยซื้ออันซ้ายมือ พนักงานเค้าจะบริการ
ถอดและเปลี่ยนซิม
ให้เราสามารถใช้งาน 3G ได้ทันทีเลยค่ะ




มาถึงปุ๊ปก็ไปเที่ยว  "เมืองเว้"  ก่อนเลย
เป็นเมืองที่มีความรุ่งเรืองในอดีต

มีโบราณสถานอันงดงาม
และได้รับการยืนยันจาก UNESCO 
ให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 2536 

นั่งรถชมเมืองไป
ก็จะเห็นบ้านคนหน้าตาไม่เหมือนบ้านเราเลย
เดี๋ยวจะมีรูปให้ดูนะคะ

พาไปเที่ยวสถานที่แรกก่อน
  "เจดีย์เทียนมู่"  





มองจากทางขึ้นบันได




เป็นเก๋งจีนแปดเหลี่ยมทรงสูง
ลดหลั่นกัน 7 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นแทนภพต่างๆ
ของพระพุทธเจ้า
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม




เดินทะลุประตูไป
ด้านหลังจะมีที่ให้สักการะเทพเจ้า



เนี่ย ได้เห็นการแต่งชุดเวียตนามครั้งแรก
สวยอ่ะ



ด้านหน้า จะมีร้านค้าเล็กๆ ให้เลือกซื้อของ








คนเวียตนามชอบแต่งชุดประจำชาติ
เดินไปเดินมา
ดูสวยงามและเป็นเอกลักษณ์มากค่ะ

ชุดเรียกว่า "อ๋าวหญ่าย "





บรรยากาศการขายของ









มีชุดอ๋าวหญ่ายให้เลือกซื้อแทบทุกที่
ถ้าใครอยากใส่ ซื้อใส่ได้เลยนะคะ
ราคาก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการต่อ
ราคาที่เนยซื้อมาอยู่ที่ชุดละ 300 - 500 บาท

สีสันสดใสทุกตัว
มาทั้งทีแนะนำให้ซื้อใส่นะคะ






ที่ต่อไปที่เราจะไปกันคือ
"สุสานกษัตริย์ไคดิงห์"


สุสานแห่งนี้เป็นสุสานเดียว
ที่มีการผสมผสานระหว่าง
สถาปัตยกรรมตะวันออกเข้ากับตะวันตก
ทางขึ้นสุสานตกแต่งเป็นบันไดมังกรอันโอ่อ่า
แค่ทางขึ้นก็อลังการละ




บันไดใหญ่มาก






เดินขึ้นมาก็จะเจอกับสถาปัตยกรรมแบบนี้
ดูยิ่งใหญ่สวยงามมากค่ะ

















ได้ชมวิวเมือง




ด้านในสามารถเข้าไปชมได้






ผนังด้านใน
ลวดลายคล้ายลายหินอ่อน













ที่สุสานนี้
เราสามารถหามุมถ่ายรูปสวยๆ ได้เพียบเลยค่ะ




เที่ยวมาสองที่ 
รู้สึกคอแห้ง
ถามไกด์ว่ามีอะไรแนะนำให้ดื่มบ้าง

ไกด์บอกว่า "น้ำมะพร้าว กับ น้ำอ้อย "

ต้องลอง

มะพร้าวเค้าสีไม่คุ้นเลยแฮะ
บ้านเราสีเขียวๆ ที่นี่ลูกสีน้ำตาลแบบนี้





แต่เรื่องรสชาติ เหมือนบ้านเราค่ะ
แยกไม่ออก ฮ่าๆๆๆๆๆ




อันนี้แนะนำกว่า 
"น้ำอ้อย "

ไม่เหมือนน้ำอ้อยบ้านเราแน่นอน
มีรสเปรี้ยวๆ ปนด้วย 
เนื่องจากเค้านิยมใส่น้ำส้มลงไป
กินแล้วชื่นใจดีค่ะ





จากนั้น จะไปต่อกันที่แหล่งช้อปปิ้งค่ะ
สายช้อปห้ามพลาดกับตลาดแห่งนี้
นั่นก็คือ "ตลาด Dong Ba" ค่ะ




เป็นตลาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม
เป็นสินค้าพวกของฝาก ของที่ระลึก
และพวกรองเท้ากีฬาค่ะ มีแทบทุกแบรนด์
ในราคาย่อมเยามากๆ

แต่ราคาที่แม่ค้าบอกมาสามารถต่อรองได้นะคะ
และจะเจอว่า เรากำลังคุยกับแม่ค้าร้านนึงอยู่
อยู่ๆ ก็มีแม่ค้าจากอีกร้านนึงมาบอกตัดราคาซึ่งหน้า

ไอ้เราก็ยังตกใจ ว่านางจะไม่ตบกันหรอ
เพราะร้านแรกบอกเรา 1000 บาท
แม่ค้าร้านข้างๆ มาบอก ซื้อกับฉันสิ ฉันขาย 500 งี้!

ถ้าร้านแรกบอก 4 อัน 100
ร้านข้างๆ จะตะโกนบอกร้านฉันขาย 5 อัน 100
อีกร้านบอก 6 อัน 100
ใครเผลอซื้อตั้งแต่ร้านแรก ซวยไปนะคะ 


และขอเตือนให้เชคของดีๆ นะคะ
เพราะเราชี้จะเอาอันที่โชว์ พอจะจ่ายตังค์
นางบอกว่าเดี๋ยวไปเอาของใหม่มาให้
แต่ของใหม่ที่เอามาอาจมีตำหนิค่ะ 
เชคก่อนจ่ายตังค์นะคะ


เดินช้อปปิ้งจนลืมถ่ายรูป
ได้รองเท้า กระเป๋า และกาแฟ
ไปฝากบรรดาน้องๆ แฟนๆ หลายคู่เลยค่ะ

กิจกรรมสุดท้ายของวันแรกนี้
นั่นก็คือ "ล่องเรือมังกร " ล่องแม่น้ำหอม




บนเรือนี้มีการแสดงร้องเพลงและดนตรีพื้นเมือง
สูตรเฉพาะของคนเวียตนาม
โดยสาวเวียตนามแท้ๆ





ทำให้เราเห็นเอกลักษณ์การแต่งตัว
ของชาวเวียตนามทั้งหญิงและชาย











และเค้าก็ต้อนรับคนไทย
ด้วยการทำกระทงสไตล์เวียตนาม
ให้เราได้ลอยลงในแม่น้ำด้วยค่ะ






ทำจากกระดาษ จุดเทียนง่ายๆ
แต่สร้างความประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว




.................................................


วันที่ 2
ยังคงอยู่ที่เมืองเว้กันอยู่นะคะ

ไหนๆ เมื่อวานก็ซื้อชุดอ๋าวหญ่ายมาแล้ว
วันนี้ขอจัดเต็มแต่งตัวเป็นชาวเวียตนามสักวันค่ะ


ที่แรกที่เราจะไปคือ 
พระราชวังหลวงของกษัตริย์ราชวงศ์เหวียน "

พระราชวังนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2348
เคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์
ราชวงศ์เหวียน 13 พระองค์





พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
เป็นมรดกตกทอดอันยิ่งใหญ่และงดงามมากค่ะ






เนยโชคดีมาก ที่ตอนที่ไป
มีทหารมาเดินขบวนเข้าวังพอดิบพอดี!!









จะเห็นว่ารูปลักษณ์คล้ายๆ สไตล์จีนใช่มั้ยคะ?
ใช่เลยค่ะ พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามแบบแผนความเชื่อของ "จีน"




แค่หน้าพระราชวัง ก็ได้รูปสวยๆ เพียบละ



เดินเข้าไปในพระราชวังเพื่อไปชมด้านใน









เป็นลานกว้างๆ แดดอาจจะร้อนหน่อย
ก็ได้งอบเวียตนามนี่แหละมาบัง














ให้ดูบรรยากาศภายในราชวัง












ในสระบัวเลี้ยงปลาคาร์ปด้วย







แต่ละภาพอาจจะเน้นคน ไม่เน้นวิวนะคะ 
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ










ที่นี่เค้าจะมีคนเวียตนาม คอยถ่ายรูปและปริ้นสี
ให้ทันทีเลยนะคะ ถ่ายรูปไวและสวยค่ะ
สนนราคาอยู่ที่ใบละ 20 บาทเท่านั้น!!
ซื้อหลายใบ ได้ราคาเหมาอีกค่ะ

จัดว่าราคาถูกว่าที่อื่นมากๆ 
เคยเจอรูปใบละตั้งหลายร้อยจากประเทศต่างๆ 
ที่นี่ 20 บาทเอง เหมาสิคะ รออะไร!!




ต่อมา เราก็จะไปแวะชมที่เพาะเลี้ยง " หอยมุก "
เนื่องจากเป็นเมืองติดทะเล สามารถเลี้ยงหอยมุกได้










ที่นี่เค้าจะให้ความรู้เกี่ยวกับการดูมุกจริงกับมุกปลอม
และการเลี้ยงมุกนั้น เค้าจะใส่เม็ดพลาสติกแบบนี้
เข้าไปในหอย ให้หอยมันเอาทรายผสมกับน้ำลาย
สะสมจนกลายเป็นไข่มุกที่เราเห็นๆ กันนั่นแหละค่ะ





ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากหอยมุกเลี้ยง












นอกจากได้เครื่องประดับแล้ว
ก็ยังสามารถนำไปผลิตเป็น "ครีมไข่มุก" ด้วยค่ะ






มีทั้งครีมกลางวัน











และครีมกลางคืน



ผ่านไป 2 ที่ชักเริ่มหิว
มาดูกันว่า อาหารกลางวันสำหรับมื้อนี้จะเป็นอะไรค่ะ

แถ่น แทน แท๊น....
เมนูแรก หอยนางรมคร้าาาา
 มาแบบตัวใหญ่ๆ เน้นๆ เต็มปากเต็มคำ





เมนูที่สอง ปัดปูคร้าาา
 


ปูแบบ  มีไข่เต็มท้อง!!!




เมนูถัดมา ต้มยำปลาคร้าาาา




ต่อมาคล้ายๆ ผัดเปรี้ยวหวานปลาหมึก
บ้านเราผัดเปรี้ยวหวานใส่หมูมาก็บุญละ 555






และสุดท้าย กุ้งหวานค่ะ



แหม๋ ถ้าเป็นที่บ้านเราคงแพงน่าดูนะคะมื้อนี้
มีทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา ครบ
แต่ที่นี่ อาหารทะเล ถือว่าถูกค่ะ
เราเลยได้กินกันอย่างอิ่มหนำสำราญมาก

จบของคาว ก็ต้องต่อด้วยของหวาน
แนะนำนี่เลยค่ะ "โยเกิร์ต" ของเวียตนามแท้ๆ

อร่อยมว๊ากกกกกกก ก. ไก่ ล้านตัว
อร่อยทุกรสค่ะ คอนเฟิร์ม 




มันจะเปรี้ยวๆ หวานๆ กลมกล่อม
เนื้อจะเหลวๆ นวลๆ คล้ายนมค่ะ
ต้องลองให้ได้!!


ร้านอาหารที่มากินนี้ก็อยู่ติดทะเล
มองออกไปนอกร้านก็จะเห็นแบบนี้





มีเรือรูปทรงกลมแปลกๆ บ้านเราไม่มี



อิ่มแล้ว กิจกรรมต่อมาที่ห้ามพลาดเด็ดขาด
เมื่อมาเวียตนาม นั่นก็คือ "นั่งสามล้อซิโคล่ว "

เราต้องจับจองที่นั่งและคนปั่นเองนะคะ
1 คัน 1 คนปั่น นั่งได้ 1 คนค่ะ









นั่งรถสามล้อ แต่มาดคุณนายนะคะ นายแม่!!




พี่คนปั่นของหนูค่ะ





หนูไม่ได้อ้วนไปใช่มั้ยคะ พี่ถึงกับปาดเหงื่อ!!




ที่บอกว่าห้ามพลาด เพราะรถสามล้อซิโคล่ว
(Cyclo) นี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเวียตนามค่ะ

นางก็จะพาปั่นชมเมืองดานัง




คนนั่งก็นั่งชิวเลยค่ะ










รู้สึกแปลกดี อยู่บ้านไม่เคยนั่งสามล้อ





พี่เค้าปั่นชมทั่วเมืองขนาดนี้
เราก็ต้องให้ทิปส์นะคะ
แต่ว่าบังคับว่าให้คนละ 50 บาท

ถ้าเราให้คนไหนมากกว่านี้
เค้าจะทะเลาะกัน และโวยวาย
ว่าทำไมได้ไม่เท่ากันค่ะ  เอ้อ..มีงี้ด้วย!!


ต่อไป เราจะเดินทางไป " บาน่าฮิลล์ " นะคะ
เป็นเมืองตากอากาศที่ดีที่สุดในเวียตนามกลางค่ะ




เราต้องไปโดยการขึ้นกระเช้าลอยฟ้า





วิวที่ได้ก็จะได้แบบนี้เลยค่ะ สวยมากๆ
กระเช้าแห่งบาน่าฮิลน์นี้ได้รับการบันทึกสถิติโลก
โดย World Record ว่าเป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ยาวที่สุดประเภท Non Stop 
มีความยาวทั้งสิ้น 5,042 กิโลเมตร
และเป็นกระเช้าที่สูงที่สุดที่ 1,294 เมตรเลยทีเดียว




ตอนอยู่บนกระเช้านี้เราจะได้สัมผัสปุยเมฆ
ที่ลอยต่ำกว่ากระเช้า 
และจะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์มาก
รู้สึกสดชื่นสุดๆ เลยค่ะ


ที่ๆ เราจะไป เป็นการสร้างที่พัก โรงแรม 
และสวนสนุก ที่อยู่บนภูเขาค่ะ




ชมวิวเพลินเลย




เราจะได้เห็นวิวธรรมชาติ ภูเขา น้ำตก Toc Tien
และลำธาร Suoi No


แต่ถ้าไปหน้าหนาวจริงๆ ละก็
เราจะได้เห็นแบบนี้ค่ะ



เมื่อถึงแล้วก็ Check in โรงแรมกันก่อน
อากาศบนนี้เย็นมากค่ะ
เฉลี่ยนตลอดทั้งปีประมาณ 10 องศาเซลเซียส!!
อากาศคล้ายๆ บ้านเราที่เชียงใหม่ตอนหน้าหนาว
แต่ที่นี่มันหนาวทั้งปีเลยค่ะ







ได้ที่นอนแล้ว ก็เที่ยวได้อย่างสบายใจ

บนนี้ ห้ามพลาดไปถ่ายรูปกับ "สะพานสีทอง "
เป็นสถานที่ท่องเที่ยงใหม่ล่าสุด
โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สวยงาม 
อยู่บนเขาบาน่าฮิลล์




สะพานสีทองจริงๆ ด้วย
แต่เราดันเรียกว่า สะพานมือ!!




ถ่ายจากมุมไกลๆ จะได้ประมาณนี้




เป็นความโชคดีมาก ที่ได้มาสะพานสีทองนี้
เป็นกลุ่มแรกๆ เพราะเค้าเพิ่งจะสร้างเสร็จ
ไม่กี่เดือนเองค่า
และเมื่อเราอยากได้รูปตัวเองอยู่บนสะพาน!!



แต่คนก็จะเยอะประมาณนี้






เราต้องช่วงชิงหาช่วง Dead Air เอาให้ได้นะคะ
เนยเป็นกำลังใจให้ค่ะ 

มืออาชีพ ต้องถ่ายเหมือนไม่มีคนได้!!


ถ่ายมันแบบ เน้นคนไม่เน้นวิว!!



ติดคนบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะแม่ ฮ่าๆๆ



บรรยากาศโดยรวมของที่นี่




ทีนี้...เนยจะพาไปเที่ยวชม
ว่าบนบาน่าฮิลล์มีอะไร มุมไหน 
ให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆ บ้าง

เริ่มจากวิวกระเช้าไฟฟ้า ที่มองเห็นดอกไฮเดรนเยียร์




แต่ถ่ายเฉพาะวิวเฉยๆ มันก็ไม่สวยใช่มั้ยคะ
มันต้องมีคนสวยๆ อยู่ด้วย

ปล. ต้องรอจังหวะให้กระเช้ามาพอดีเป๊ะๆ ด้วยนะ
เพอร์เฟค!!







ตรงบริเวณนี้ก็จะมีเหล่ารูปป้ันแปลกๆ 
ให้เราได้ถ่ายรูปกันจนจุใจไปเลยล่ะ







อันนี้ไม่ใช่รูปปั้นนะคะ เป็นคนจริงๆ




เดินเล่นไปเรื่อยๆ เราก็จะเจอมุมสวยๆ 
ให้เราถ่ายรูปได้ตลอดทาง




สาย Act Art อย่าพลาด!





 ถ้าสไตล์สาวเวียตนามที่แท้จริง
ต้องนี่เลย ใส่ชุดอ๋าวหญ่ายปั่นจักรยาน!




จากมุมนี้ เราจะได้เห็นองค์พระใหญ่ด้วยค่ะ





กว่าจะเดินจนครบก็เย็นพอดี
ได้เวลาต้องไปพักผ่อนแล้ว


คืนนี้โรงแรมที่เราพัก 
เราก็พักบนบาน่าฮิลล์นี่แหละค่า
ชื่อว่า "Mercure Bana Hill French Village"

ราคาคืนละประมาณ 3,xxx บาท
มาดูภายในกันค่า







เวลามาพักโรงแรม เป็นเหมือนกันมั้ยคะ
ที่ต้องวิ่งมาดูห้องน้ำก่อน

เนยชอบมาก ชอบพวกของใช้
เก็บเป็นที่ระลึกกลับบ้านตลอด ฮ่าๆๆๆๆๆ




มีให้ครบทุกอย่างค่ะ




ปกติเราจะเห็นตามโรงแรมอื่นๆ
เค้าให้ใส่รองเท้าแบบเดินในบ้านใช่มั้ยคะ
ที่นี่ ให้รองเท้าแตะค่า





คืนนี้ลาไปก่อน ฝันดีค่า

........................................

วันที่ 3
วันนี้เราจะเล่นสวนสนุกบาน่าฮิลล์กันนะคะ
ตื่นเช้ามาอากาศสดชื่นแจ่มใสมากค่ะ



สวนสนุกนี้ชื่อว่า "Fantasy Park "





ทำสัญลักษณ์คล้ายๆ Universal Studio เลยแฮะ





แต่!!! 
ก่อนที่เราจะไปเล่น
เราหามุมสวยๆ ถ่ายรูปกันก่อนเนอะ ฮ่าๆๆๆๆ



วิวหน้าโรงแรม
ที่นี่สร้างสไตล์ปราสาทยุโรปเลย 










ถ่ายมุมไหนก็สวย


รับแดดยามเช้าหน่อย
สังเคราะห์ vitamin D





มีร้านขายของที่ระลึก
แต่ราคาแพงโครต!!





ถ่ายรูปจนจุใจแล้ว
เราก็ไปเล่นเครื่องเล่นกันเลยค่า

ก่อนอื่น ขอดูแผนที่ก่อนนะ
เริ่มจากอะไรดี?



เริ่มจากชิวๆ
คล้ายๆ รถราง Coaster ที่เชียงใหม่




ใช้ระบบมือโยกจ้า




ใครที่กลัวไม่ได้รูป
ไม่ต้องกังวลค่ะ เค้ามีกล้องไว้คอยแอบถ่าย
และคิดเงินเราทีหลัง ฮ่าๆๆๆ



แต่ถ้าเราถ่ายเอง ก็จะได้รูปประมาณนี้!!



เล่นอันนี้เหมือนได้ชมวิวธรรมชาติ
และได้ความหวาดเสียวไปพร้อมๆ กัน






เครื่องเล่นต่อมา 
เค้าบอกว่าอันนี้ Peak สุดในนี้ละค่ะ
ต้องเล่นให้ได้!!


นำร่องโดยคุณแม่ก่อนเลยค่ะ
กร้ากกกกกก




รัดเข็มขัดกันก่อน
เอ้า..มันกำลังจะขึ้นแล้วน้าาาา




สูงขึ้นๆๆๆ





สูงขึ้นเรื่อยๆ 
ต้องวิ่งไปถ่ายชั้นบน ถึงจะเห็นว่ามันสูงขนาดไหน




ประเด็นคือมันไม่ได้ค่อยๆ สูงขึ้นอย่างเดียวน่ะสิ
มันขึ้นจนสุด แล้วมันก็ลงจนมิด!!



กรี้ดลั่นสิคะ รออะไร!!




ขึ้นแล้วก็ลง ขึ้นแล้วก็ลงมิดด้ามอยู่อย่างนั้น
จนหมดรอบ

กรี้ดปรอทแตกไปสามอัน!!




สนุกๆ แบบไม่หวาดเสียวก็มีค่ะ


ปล. เล่นเครื่องเล่นไม่เสียตังค์เพิ่มสักบาท
สงสัยอยู่ในราคาทัวร์แล้ว




ที่ต่อมาที่เราจะไป
ขอไปทำใจใสๆ ก่อนนะคะ หลังจากตื่นเต้นมาแล้ว

เราจะไปสักการะที่ " วัดลินห์อึ๋ง "
เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองดานังค่า

มีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่มาก






ถ่ายเซลฟี่ยังไง ก็เก็บท่านไม่หมด




รูปปั้นปูนขาวเจ้าแม่กวนอิมนี้
มีความสูงถึง 67 เมตร!!

ตั้งอยู่บนฐานดอกบัวกว้าง 35 เมตร
ยืนหันหลังให้ภูเขาและหันหน้าออกทะเล
คอยปกป้องคุ้มครองชาวประมง
ที่ออกไปหาปลานอกชายฝั่ง




พระพักตร์ท่านงดงามมาก



วะดนี้นอกจากเป็นสถานที่ๆ ชาวเวียตนาม
มากราบไหว้บูชาแล้ว
ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีกหนึ่งจุด
ที่สามารถยืนชมวิวที่สวยงามของเมืองดานังได้ค่ะ


นอกจากเจ้าแม่กวนอิมแล้ว
บริเวณอื่นๆ ของวัดก็สวยงามไม่แพ้กัน






ใบหน้าของพระพุทธรูปดูแล้วมีความสุขมากค่ะ







บริเวณรอบๆ ตัววัด




ต่อมา เราจะไป "เมืองโบราณฮอยอัน "
ซึ่งองค์การ Unesco ได้ประกาศให้ฮอยอัน
เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม

วิถีชีวิตก็จะยังดั้งเดิมอยู่







คนเวียตนามจะนิยมนั่งโต๊ะและเก้าอี้แบบนี้
เป็นโต๊ะเล็กๆ และเก้าอี้เตี้ยๆ




เวียตนามต้องคู่กับจักรยาน
 สไตล์บ้านเก่าโบราณ








ร้ายยาดองที่ยังคงความดั้งเดิมไว้ 100%






บ้านอายุเป็น 100 ปีค่ะ




ใครอยากชิม ก็ลองได้นะคะ







ต่อด้วย ไปชม "วัดฟุ๊กเกี๋ยน "



เป็นสมาคมชาวจีนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุด
ของเมืองฮานอย!!


ใช้เป็นที่พบปะของคนหลายรุ่น
วัดนี้มีจุดเด่นอยู่ที่งานไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม










ใครที่เดินมาทั้งวันจนเมื่อย
เค้ามีรถแบบนี้ไว้บริการนะคะ





ที่ต่อไปที่ต้องไปแวะ แชะถ่ายรูป
นั่นก็คือ "สะพานญี่ปุ่น "




สร้างโดยชาวญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีมาแล้ว
กลางสะพานมีศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์
ที่สร้างขึ้นเพื่อสวดส่งวิญญาณมังกร
ที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ามีมังกรอยู่ใต้ภิภพ

ส่วนตัวของมังกรอยู่ที่อินเดีย
และส่วนหางอยู่ที่ญี่ปุ่น
ส่วนลำตัวอยู่ที่เวียตนาม
(โห..ตัวใหญ่มากอ่ะ)

เมื่อใดที่มังกรพลิกตัวจะเกิดแผ่นดินไหว
ชาวญี่ปุ่นสร้างสะพานนี้
โดยตอกเสาเข็มลงกลางลำตัวเพื่อกำจัดมัน
จะได้ไม่เกิดภัยภิบัติขึ้นอีก
(โห...อย่างล้ำ)




ที่นี่เราสามารถเลือกซื้อของที่ระลึกได้มากมาย
ตามมาดูเลยค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง

ตุ๊กตาเอกลักษณ์ของสาวเวียตนาม



เหล่าพวงกุญแจต่างๆ







ใครกระเป๋าว่างหน่อย เอางอบกลับบ้านก็ได้นะคะ




งานฝีมือต่างๆ





ของกระจุ๊กกระจิ๊กมากมาย








กระเป๋าก๊อปก็มา


ใครที่เดินจนหิว ก็แวะชิมได้ตลอดทางค่ะ



บอกแล้ว เวียตนามของแท้
ต้องนั่งกินเก้าอี้เตี้ยๆ หน้าร้าน!!










วันนี้เที่ยวมาราธอนมากอ่ะ
หิวแล้ว ขอกินข้าวก่อนนะ
วันนี้มีอะไรกิน ไหนดูซิ!!

โอ้โห หน้าตาน่ากินมากกก
















เป็นไงคะ แต่ละจาน
บอกแล้ว ที่นี่อาหารทะเลมันถูก!!!

กินจนอิ่มแล้ว
เราจะไปต่อกันที่ ที่สุดท้ายของวันนี้ค่ะ

นั่นก็คือ "หมู่บ้านกั๊มทาน "

Highlight ของที่นี่คือ นั่งเรือกระด้ง !!

จากที่จอดรถ เราต้องเดินไปไกลพอสมควร
กว่าจะถึงจุดที่ขึ้นเรือกระด้ง
แต่ดีหน่อยที่ระหว่างทางมีของให้ช้อปปิ้งอยู่บ้าง



ส่วนใหญ่จะเป็นพวกของจักรสาน ของทำมือ






เดินไปเรื่อยๆ จะเห็นเรือกระด้งจอดอยู่เป็นพักๆ
บรรยากาศวังเวงๆ น่ากลัว
ชวนนึกถึงเรื่องแม่นาคพระโขนงมาก



ถึงจุดที่ขึ้นเรือจนได้!!

โอ้โห...เมื่อเรือกระด้งเทียบกับคนแล้ว
คนดูตัวเล็กไปเลยค่ะ


เรือ 1 ลำ จะมีคนพาย 1 คน
แต่คนนั่ง นั่งได้หลายคนค่ะ

หมู่บ้านกั๊มทานนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ
ในเมืองฮอยอันที่ตั้งอยู่ในสวนมะพร้าวริมแม่น้ำ
อาชีพหลักของที่นี่คือเป็นชาวประมง

ระหว่างที่เราล่องไป
ชาวบ้านจะขับร้องเพลงพื้นเมือง
และเพลงที่ฮิตๆ ของบ้านเราให้ได้ฟังค่ะ




มันส์จนแม่บอกว่า "น่าเกลียด" ฮ่าๆ



เตรียมตัวออกกันเป็นขบวน



ชาวบ้านเค้าทำของที่ระลึกแจกด้วยค่ะ
เป็นคล้ายๆ ตุ๊กตาสาน




ให้เราใส่เหมือนแหวนค่า
ได้คนละ 1 อัน


การพายของเหล่าฝีพาย
ก็จะโชว์หลากหลายลีลาค่ะ
เริ่มจากเบสิคๆ จนแบบเหวี่ยงสุดฤทธิ์




ดูคุณแม่สนุกมากนะคะ ฮ่าๆ







ล่องเรือกระด้ง ชมพระอาทิตย์ตก 
โรแมนติกจะตาย




เค้าก็จะพาเราพายไปเรื่อยๆ 
ชมบรรยากาศของชายทะเล
 แม่ะ..นี่ถ้ามีหิ่งห้อยนะ
นึกถึงล่องแม่น้ำที่อัมพวาเลยล่ะ







มืดแล้ว ก็ได้เวลาไปพักที่โรงแรม
คืนนี้เรานอนที่ "Regina Danang Hotel "



จะดูทันสมัยขึ้นมาหน่อยค่ะ









กาแฟของชาวเวียตนามแท้ๆ ต้องลอง
หอมกรุ่นมาก







อยู่ใจกลางเมืองเลยค่ะ




ขอเอนกาย สลบสไลยาวๆ นะคะ
พรุ่งนี้มาลุยต่อวันสุดท้ายกันค่า

...........................................

วันที่ 4....วันสุดท้าย
ที่แรกที่เราจะไปกันแต่เช้า 
คือไปชม "สะพานมังกร " ค่ะ


เป็นที่เที่ยวดานังแห่งใหม่
สะพานมังกรไฟนี้เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ
แห่งใหม่ของเวียตนาม



มีความยาว 666 เมตร ความกว้างเท่าถนน 6 เลนส์




เชื่อมต่อสองฟากฝั่งของแม่น้ำฮัน




ช่วงกลางคืนสวยมากค่าาาา





นอกจากสะพานมังกรแล้ว
ที่นี่ยังมีสิงโตพ่นน้ำด้วยค่ะ
คล้ายที่สิงคโปร์









ถ้าเป็นกลางคืน ก็จะสวยประมาณนี้



ก่อนกลับ
โปรแกรมวันนี้คงหนีไม่พ้นการช้อปปิ้งซื้อของฝาก
เราเลยไป "ตลาดฮาน " กันค่ะ



ที่นี่มีสินค้าหลากหลายชนิด 
ส่วนใหญ่เป็นของกินต่างๆ เป็นตลาดสด
และขายสินค้าพื้นเมืองของเวียตนามค่ะ




มีหลายชั้น อารมณ์คล้ายๆ 
ตลาดวโรรสที่เป็นตลาดของฝากของเชียงใหม่
หรือที่เนยเรียกว่า กาดหลวง ค่ะ

เจอแล้ว...กาแฟเวียตนาม












มีม้าน้ำอบแห้งขายด้วย
เอาไว้ไปทำอะไรอ่ะคะ ใครรู้ตอบที!!




เสื้อผ้าก็มีขาย ในราคาที่ถูกมากกกก




เหล้าก็มี บุหรี่ก็มา



ถ่ายถนนย่านตลาด
มองเผินๆ อาจไม่สะดุดอะไร
แต่ถ้ามองดีๆ ละก็...




เราจะเห็นบ้านหลังนี้ค่ะ
ที่อยู่ตรงกลาง




ทำเลดีมากกกกก ย่านกลางเมืองเลย


และแล้ว ก็หมดเวลาสนุกแล้วซิ
ได้เวลา Check in ที่สนามบิน
แต่ก่อนกลับ ขอลองเบียร์เวียตนามสักหน่อย


เตรียมบิน




ต้องกลับสู่โหมดการทำงานแล้ว




เจอกันอีกทีทริปหน้าน้า




....................................

เกร็ดเล็ก...เกร็ดน้อย เอามาฝาก


ว่าด้วยเรื่อง "ผิว "
สังเกตไหมว่าผู้หญิงเวียตนามผิวข๊าววว ขาว
มันไม่ใช่แค่เชื้อชาติและกรรมพันธุ์ค่ะ
มันคือ "พฤติกรรม" ล้วนๆ

นั่นก็คือสาวๆ เวียตนามกลัวแดดม๊ากกกกก
ตอนกลางวันจะแต่งตัวมิดชิดมาก
แบบผิวจะไม่โดนแดดเลยสักนิด
จะใส่คลุมหมดทั้งหน้า แขน คา คอ
ดูภาพประกอบได้ เป็นแบบนี้ทุกคน!!!



คือบ้านเค้าไม่ได้มีฝุ่นนะคะ
แต่คลุมชนิดที่ว่าเห็นแต่ลูกกะตาเท่านั้นอ่ะ

กลางวันมิดชิด แต่กลางคืนโชว์สุดๆ ไปเลยจ้า
โชว์ผิวออร่า สว่างใส ประกายคริสตัลมาก

ว่าด้วยเรื่อง "หุ่น "
สาวเวียตนามมีแต่หุ่นดีๆ
มองไปบนท้องถนน เนยไม่เห็นคนอ้วนเลยสักคน

สาวๆ ที่นี่จะ
"อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก"

และเค้าจะโชว์สัดส่วนกันสุดฤทธิ์ด้วยชุดประจำชาติ
หรือชุดอ๋าวหญ่ายเนี่ยแหละ

เพราะเป็นชุดที่รัดมากๆ 
รัดนม รัดเอง รัดทุกสัดส่วน


มาที่นี่นอกจากจะไม่เห็นคนอ้วนแล้ว
ก็ยังไม่เห็นคนท้องอีก

เพราะคนท้อง เค้าจะอยู่แต่ในบ้าน
ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจะไม่ออกนอกบ้านเลยค่ะ

ว่าด้วยเรื่อง "อาหาร "

ชาวเวียตนามเน้นกินอาหารเพื่อสุขภาพ
ชอบกินผักมากกกกก
หลังบ้านแทบทุกหลังจะปลูกผักไว้กินเอง



หมา ถือเป็นอาหารเกรด A
ถ้าเลี้ยงหมาแมวต้องขังอยู่ในบ้าน
คนที่นี่กินกล้วยสีเขียว แต่สุกนะคะ
บ้านเรากล้วยสุกจะสีเหลือง

อีกอย่างที่ชาวเวียตนามหุ่นดี
เพราะไม่มีของกินข้างทางขายเหมือนบ้านเรา
ไม่มีของทอด ของปิ้ง ของกินจุกจิก

ว่าด้วยเรื่อง "ความเชื่อ "
ชาวเวียตนามไม่มีศาสนา 
นับถือบรรพบุรุษ

ว่าด้วยเรื่อง "บ้าน "
บ้านที่นี่จะเหมือนกันหมดทุกหลังคือ
เป็นทรงลึก หน้าแคบ


ลึกมาก แต่หน้าก็แคบมาก
เป็นเพราะเวียตนามมีที่ดินน้อย 
แต่คนเยอะกว่าประเทศไทยอีกค่ะ
ไทยมี 70 ล้านคน แต่เวียตนามมี 96 ล้านคน


ที่ดินจึงราคาแพงมาก
หน้าบ้านกว้าง 4.5 เมตร แต่ลึก 20 เมตร
และจะทาสีเพียงด้านเดียว คือด้านหน้า

พื้นที่ขายกันเป็น ตรม. ไม่ใช่ ตรว. เหมือนบ้านเรา

แต่ด้วยความที่ชาวเวียตนามนับถือบรรพบุรุษ
แม้เนื้อที่บ้านจะน้อย แต่เนื้อที่สุสานจะกว้างค่ะ

ธุรกิจที่ขายดีที่สุดคือ "ร้านกาแฟ"
เพราะบ้านแคบ ไม่มีที่นั่งคุยกัน
จึงมักไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟ
ว่าด้วยเรื่อง "มารยาท "

1. มารยาทในการเข้าห้องน้ำ

เรื่องนี้เราจำเป็นต้องรู้เลยค่ะ
คือการแวะเข้าปั๊มน้ำมันที่นี่ 
ถ้าเราไม่เติมน้ำมัน ไม่ซื้อของ แล้วไปเข้าห้องน้ำ
เราจะโดนด่าค่ะ

ไม่สามารถแวะเข้าห้องน้ำตามปั๊มได้เสรี
เหมือนบ้านเรานะคะ

2. มารยาทในการขับรถ
ที่นี่พวงมาลัยอยู่สลับกับที่ไทยนะคะ

และมารยาทในการบีบแตร
ที่นี่จะตรงกันข้ามกับบ้านเรา
บ้านเรา ถ้าใครบีบแตรใส่กัน แป๊มๆๆๆๆ
ได้มีเรื่องกันแน่นอน

แต่ที่นี่ ใครบีบแตร ถือว่าเป็นคนมีมารยาทค่ะ
เป็นการบอก เตือนกัน
เค้าจะบีบตลอดเวลา เสียงอื้ออึงมากบนถนน

ที่นี่จำกัดความเร็วที่ 40 - 60 กม.
ถ้าขับไวกว่านี้โดนจับ ครั้งละ 3000 บาท
ป๊าดดดด ที่ไทย 500 ก็ด่าตำรวจจะตายละ

ว่าด้วยเรื่อง "เงิน "
คนเวียตนามใช้เงิน ดอง
ถ้าใครอยากเป็นเศรษฐีให้มาที่นี่ค่ะ
รับรอง มีเงินเป็นล้าน!!!

รถ VIOS คันนึงราคา 890 ล้าน (ดอง)
คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 ล้านบาท
ถ้าอยากถือเงินเป็นร้อยๆ ล้าน มาที่นี่ค่ะ
เป็นคนรวยทันที

รถยนต์ราคาแพงขนาดนี้
รถหลักๆ ที่ชาวเวียตนามใช้
จึงเป็นมอเตอร์ไซต์กับจักรยานค่ะ


ที่นี่ค่าเรียนถูก แต่ค่าที่พักแพง
และคนเวียตนามไม่ผ่อนสินค้าค่ะ

ไม่ว่าจะรถ บ้าน หรือ มือถือ
เค้าซื้อสดกันหมด!!
ถ้าไม่มีเงินก็จะไม่ผ่อน ไม่ซื้อเลยค่ะ

ว่าด้วยเรื่อง "อากาศ "
ที่นี่อากาศร้อน และ ฝนตก

ว่าด้วยเรื่อง "ภาษา "
ขอสอนภาษาเวียตนามง่ายๆ นะคะ
คำแรก "หำ"
แปลว่า อุโมงค์

มาที่นี่เราได้ลอดหำกันบ่อยมากค่ะ
เพราะมีอุโมงค์เยอะมากกกก

คำที่สอง "หมอยเหี่ยว"
แปลว่า เมื่อย
ทริปนี้เนยกับแม่ได้เดินกันจนหมอยเหี่ยวไปหมดค่ะ

ว่าด้วยเรื่อง "กฎหมาย "
ที่นี่ปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์
มีพรรคเดียว กฎหมายแรงมาก
กฎหมายว่าอย่างไร ก็ว่าอย่างนั้น
มีกล้องวงจรปิดทั่วไป

ฆ่าข่มขืนจึงไม่มีเกลื่อนกลาดเหมือนบ้านเรา
จึงปลอดภัย และประชาชนสามารถพกปืนได้

ว่าด้วยเรื่อง "ประเพณี "
การแต่งงานที่นี่จะไม่มีสินสอด
ไม่นิยมมีกิ๊ก ไม่มีเมียน้อย


ว่าด้วยเรื่อง "ร้านค้า "
เราจะไม่เห็นร้านสะดวกซื้อเลยที่นี่
ไม่เหมือนเมืองไทย มีทุกซอกทุกมุม

ที่เวียตนามมีเพียงสาขาเดียว
อยู่ที่โฮจิมินค่ะ

เพราะรัฐบาลเค้าสนับสนุนให้ประชาชน
เปิดร้านโชว์ห่วย เพื่อให้ประชาชนมีอาชีพ
ไม่ได้รวยแต่นายทุน

และราคาของที่ขายในร้านสะดวกซื้อก็แพงมาก
ของขายแพงกว่าร้านค้าทั่วไป
เนื่องจากรัฐบาลคิดภาษีแพงมากค่ะ

ว่าด้วยเรื่อง "ของฝาก "
ของฝากยอดนิยมที่ต้องซื้อกลับ
แนะนำกาแฟค่ะ หอมกรุ่นมาก
ฟักข้าว เม็ดบัว ชุดอ๋าวหญ่าย



จบแล้วค่าาา
ยาวและรูปเยอะมาก

ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ
ถ้าชอบ กด Share เป็นกำลังใจให้เนยด้วยนะคะ

ไปเที่ยวคราวหน้าจะได้เก็บมาเล่าให้ฟังอีก
วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค่า






ผิวโกล์วดูมีออร่าด้วย SKII 3 ตัวนี้เลย

เชื่อว่าสาวไทยหลายๆ คน ต้องการมีผิวที่สวยสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ นั่นก็คือ ปราศจากสิว รอยดำ รอยแดงจากสิว สีผิวสม่ำเสมอ ผิวอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน ดู...