วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

รีวิว สเปรย์น้ำแร่ แค่ฉีด หน้าก็สดชื่นไปทั้งวัน







สวัสดีค่ะ
Item ที่เนยจะมารีวิววันนี้
จัดว่าเป็นอะไรที่เนยขาดไม่ได้
เมื่อก่อนก็ไม่เคยใช้หรอกนะ
แต่พอได้ใช้เท่านั้นแหละ ติดเลย!!


กลายเป็นเหมือนสิ่งจำเป็น 
ขาดไม่ได้ ต้องใช้ทุกเช้า ก่อนบำรุง
ที่พูดถึงนี่ก็คือ " Spray น้ำแร่  " นั่นเองค่า


จริงๆ หน้าที่หลักๆ ของน้ำแร่
คือ
- ช่วยทำให้หน้าที่แห้ง กลับมาชุ่มชื้น
- ทำให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้น


วันนี้จะยกเอาที่เนยใช้ทั้งหมด
มาแนะนำกัน ว่าแต่ละตัวเป็นยังไง







มาเริ่มที่ตัวแรก

"ZA Total Hydration Energy Mist"


ตัวนี้มี Vitamin b ด้วย




80 ml ราคา 189 บาท


"ใช้แล้วไม่ค่อยชอบ
รู้สึกถึงความเหนียวหนุบหนับของหน้า
ไม่สดชื่น หัวฉีดสเปรย์เป็นแบบน้ำหอม
คือฉีดทีละฟืด ไม่สามารถกดค้างแล้ววนทั่วหน้าได้"

  ตัวนี้ให้ 3/10 





ตัวที่สอง

"Beauty Fomula Cooling Mist"

ตัวนี้ชอบมี โปร 1 แถม 1 ที่ Watsons





150 ml ราคา 350 บาท
มีขนาด 50 ml. ด้วย ราคา 189 บาท


"ตัวนี้ใช้มาหลายกระป๋องละ
ชอบตรงที่รู้สึกสดชื่น ใช้ได้นานดี
แต่ติตรงที่ละอองน้ำแร่มาแบบเม็ดใหญ่มาก
มาแบบเป็นหยดๆ เลย 
ฉีดทีกว่าจะแห้งรอนานมาก"

  ตัวนี้ให้ 7/10  


ตัวที่สาม


"Eau Thermale Avene Spring Water"

ตัวนี้สำหรับผิวแพ้ง่ายมากๆ





150 ml. ราคา 490 บาท

"ตัวนี้เป็นน้ำแร่ที่มาพร้อมกับแร่ธาตุเยอะมากๆ
เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายอีก
ละอองสเปรย์น้ำแร่เบามาก ฟุ้งมาก
ละอองละเอียด ฟูนุ่ม แห้งไว
รู้สึกสดชื่น"

  ตัวนี้ให้ 9/10 
หักตรงแพงไปนิด



ตัวที่สี่

"Vichy Eaau Thermale Mineralisante"

ตัวนี้ใช้สิทธิ์แลกซื้อใน watsons มา
ในราคา 110 บาท



50 ml. ราคา 220 บาท

"ใช้แล้วรู้สึกสดชื่น ไม่มีกลิ่น
ละอองฝอยละเอียด แห้งไว
ใช้แล้วผิวไม่มันไปทั้งวัน"

  ตัวนี้ให้ 9/10   
หักตรงหาซื้อยากหน่อย



ตัวสุดท้าย

"Evian Natural Mineral Water Spray"

เป็นน้ำแร่ธรรมชาติ 100%


50 ml. ราคา 220 บาท

"สำหรับตัวนี้เนยยกให้เป็นพระเอก
ของวันนี้เลยแล้วกันค่ะ 
ใช้มานาน ใช้มาหลายกระป๋อง
หาซื้อง่าย มีขายทั่วไป ราคาไม่แพงมาก
สเปรย์ละเอียดมาก ละอองนุ่ม เป็นฝอยเล็กๆ
แห้งไว หน้าสดชื่น"


  ตัวนี้ให้ 10/10  


เพื่อนๆ ชอบตัวไหน
อยากลองตัวไหน ก็ไปหาซื้อมาลองกันนะคะ

วันนี้ลาไปก่อน
สวัสดีค่า

วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

วิธีออมเงินของคนเงินน้อย ตอนที่ 2 ออมทองก็ได้ ง่ายดี




บทความที่แล้ว เรามาแนะวิธีออมเงินของคนเงินน้อย
โดยการ "ฝากประจำดอกเบี้ยสูง"
เพื่่อเป็นการสร้างวินัยในการออมเงิน
โดยหักเพียงเดือนละ 10% ของรายได้


แต่วันนี้...เราจะมาแนะนำ "การออมทอง" 
ให้คุณผู้อ่านเอาไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการออม
แต่ก่อนที่จะมาลงรายละเอียด 
เรามาดูข้อดีของการออมทองกันก่อน ว่ามีอะไรบ้าง
1. เงินน้อยก็ออมได้ (ทำยังไง วันนี้เรามีคำตอบ)
2. ซื้อ - ขาย ง่าย มีสภาพคล่องสูง
3. ช่วยกระจายความเสี่ยง ราคาทองมักสูงขึ้นในระยะยาว 
4. กำไรจากการขายทองคำไม่เสียภาษี
5. เก็บรักษาง่าย (เพราะเดี๋ยวนี้มีบริษัทดูแลให้)




แต่จะทำยังไงล่ะ เงินเดือน 15,000 บาท
หักฝากประจำ เดือนละ 1,500 บาทไปแล้ว
อยากจะมีทองเก็บสะสมไว้  แต่มันก็แพงเหลือเกิน 
กว่าจะเก็บเงินก้อนไปซื้อทองสักบาทนึงได้ คงต้องใช้เวลาพอสมควร
แล้วพอเกือบจะได้ ก็มีเรื่องด่วนที่จะต้องใช้เงิน
จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้มีกับเค้าสักที 
ความฝันที่จะมีทองแท่ง ก็กลายเป็นได้แค่ฝัน


แต่เดี๋ยวนี้เราไม่ต้องเก็บเงินเป็นก้อนเพื่อจะซื้อทองแล้ว
มันมีวิธีที่เหมาะกับคนเงินน้อย และ เหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย
ที่อยากจะมี "ทองคำแท่ง" เก็บกับเค้าบ้าง
นั่นก็คือ "โปรแกรมออมทอง" นั่นเอง
ซึ่่งตอนนี้มีให้บริการหลายบริษัท
แต่เราเลือกลงทุนกับ "ฮั่วเซ่งเฮง"
ซึ่่งเป็นการออมทองคำ 96.5% 


เพียงแค่เราออมขั้นต่ำ เดือนละ 1,000 บาท
ซื้อเดือนละ 1 ครั้ง ทุกวันทำการที่ 2 ของทุกเดือน
งวดแรกชำระเป็นเงินสด โอนและส่งสลิปไปทางอีเมล์
งวดต่่อๆ ไปให้ทำรายการตัดบัญชีฝากอัติโนมัติเลย
จะได้ไม่ลืม และ เสียโอกาส


เราก็สามารถสะสมทองคำแท่งได้ทันที
เป็นการทยอยๆ ซื้อทองคำแท่งทุกเดือน
เผลอแปปเดียว มีทองจริงเป็นบาทๆ เลยนะเออ


หลักการของมันคือ......
ทองคำแท่งหนัก 1 บาท มีค่าเท่ากับทองคำ 15 กรัม
ในการทยอยซื้อเดือนละ 1,000 บาทนั้น
ต้องรู้ก่อนว่าราคาทองคำจะขึ้นๆ ลงๆ ตลอด
การออมแบบนี้จึงเป็นการลงทุนแบบเฉลี่่ยต้นทุน


ถ้า ณ วันที่ซื้อทองราคาถูก
เงิน 1,000 บาทของเราก็จะได้น้ำหนักทองมากหน่อย
แต่ถ้า ณ วันที่่ซื้อทองราคาแพง
เงิน 1,000 บาทของเราก็จะได้น้ำหนักทองน้อยหน่่อย
ในแต่ละเดือนมันก็จะเฉลี่่ยๆ กันไป
สะสมครบ 15 กรัม ก็จะได้ทอง 1 บาททันที!!



ราคาที่่ซื้อนั้นอ้างอิงราคาทองคำขายออกของฮั่วเซ่งเฮง
ณ เวลา 17.30 น.


บริษัทจะออกกใบยืนยันการซื้อขายทองคำให้เราทุกครั้ง
ผ่านทางไปรษณีย์ภายใน 7 วัน


ตอนนี้เราเข้าโปรแกรมนี้ได้เกือบ 1 ปีแล้ว
ตัดบัญชีเดือนละ 1,000 บาท






จะสังเกตว่า ราคาเฉลี่่ยของทองคำที่เราซื้อแบบทยอยเป็นงวดนี้
จะต่ำกว่าราคาที่ซื้อ ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงได้ดี


และถ้าหากเดือนไหน ได้โบนัสเพิ่ม
เราก็สามารถโอนเงิน และส่งสลิปการโอนทางอีเมลล์
เพื่อที่จะยืนยันการซื้อทองคำในเดือนถัดไปได้
เช่นในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราซื้อไป 6,000 บาท
(โอนก่อน 5,000 บาท และตัดบัญชีเหมือนเดิม 1,000 บาท)








ผลการลงทุนประจำปี 2560
งวดที่
เดือน
เงินออม
ราคาทองที่ซื้อ
จำนวนที่ซื้อได้
(กรัม)
ยอดทองสะสม
(กรัม)
ราคาเฉลี่ย
1-2
มีนาคม
2,500
20,600
0.7400
1.8692
20,388.40
3
เมษายน
1,000
20,510
0.7432
2.6124
20,423.37
4
พฤษภาคม
1,000
20,480
0.7443
3.3567
20,436.14
5
มิถุนายน
1,000
20,420
0.7465
4.1032
20,433.32
6
กรกฎาคม
-
-
-
-
-
7
สิงหาคม
1,000
19,960
0.7637
4.8669
20,359.16
8
กันยายน
6,000
20,920
4.3721
9.239
20,624.53
9
ตุลาคม
1,000
20,130
0.7573
9.9963
20,587.02


อีกไม่นานก็จะครบ 1 บาทแล้ว
และถ้าเรามีรายได้เพิ่มขึ้น
ก็สามารถโทรไปเพิ่มจำนวนเงินในการตัดบัญชีทุกเดือนได้



วิธีรับทองและขายคืน มี 3 เงื่อนไข คือ
1. เมื่อสะสมทองคำครบ 1 บาท
    สามารถขอรับทองคำเป็นเหรียญทองคำได้ แต่คิดค่่ากำเหน็จ 150 บาท
2. เมื่่อสะสมทองคำครบ 5 บาท
    สามารถขอรับทองคำแท่่งได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
    และขายเศษทองคำเป็นเงินได้
3. สามารถขายคืนทองคำเต็มจำนวนและรับคืนเป็นเงิน
    โดยบริษัทจะโอนเงินเข้าบัญชีของลูกค้าตามที่ได้แจ้งไว้



สำหรับการสมัครเข้าโปรแกรมออมทองก็ง่ายแสนง่าย
เพียงแค่
ติดต่อ ณ ที่ทำการฮั่่วเซ่งเฮง 2 ชั้น 3
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00-17.30 น.
โทร. 02-623-1010
อีเมลล์ goldsaving@huasengheng.com


อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถติดต่อทางอีเมล์ได้
เพียงแค่่ยืนยัน และ รอเอกสารที่บริษัทจะส่งมาให้กรอก
แล้วส่งกลับไป ก็รอเข้าโปรแกรมได้เลยค่่ะ


ใครที่สนใจก็ลองติดต่อไปสอบถามข้อมูลกันได้นะคะ
บทความหน้าจะมาแนะวิธีการออมแบบใดอีก รอติดตามกันค่า









วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ตะลุยแดนมังกร (China) ตอน พาเที่ยวมาเก๊า-จูไห่




สวัสดีค่า
วันนี้จะมาเขียนบทความพาเที่ยว
ประเทศจีน (China) นะคะ

สำหรับประเทศนี้ เนยเคยไป 2 ครั้ง
ต่างเมืองกัน เดี๋ยวจะเอามารวบเป็นบทความเดียว
เลยละกันเนอะ


ไปไหนมาบ้าง
-  มาเก๊า
-  จูไห่


เนยว่าจีนมีหลายเมืองให้ไปเที่ยวมากๆ
นี่ยังอยากไปอีกหลายที่เลย
ทั้งจางเจียเจี้ย ฉงชิ่ง เซี่ยงไฮ้ ซีอาน ฯลฯ

ค่อยๆ ทะยอยเก็บไปละกันเนอะ
เที่ยวตามกำลังทรัพย์
ติดตรงที่ไม่มีคนไปด้วยเนี่ยแหละ
อ่อยวันละนิด จิตแจ่มใส แฮร่

เริ่มจากที่ไปมาล่าสุดก่อนนะ
คือ " มาเก๊า" ค่า




มารอ Check in ที่สุวรรณภูมิ






แต่งตัวไว้พร้อมเที่ยวเลย 
จะได้ไม่ต้องเปลี่ยน






เตรียมบินลัดฟ้า 
ออกเดินทางเวลา 12.00 น.





อาหารบนเครื่องที่เสิร์ฟวันนี้
เป็นบะหมี่หมูราดซีอิ๊วค่ะ อร่อยดี



บินไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
ถึงประมาณ 16.00 น.








คนเยอะมากเลย
เพราะแถวนี้คือสะพานเชื่อม 
ที่เป็นเหมือนด่านตรวจคน



มาเก๊าตั้งอยู่เขตมณฑลกวางตุ้ง 
บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของปากแม่น้ำเพิร์ล



รอรถมารับไปกินข้าว




มาวันแรกนี่ไม่ได้เที่ยวอะไรเลยค่ะ
มีแค่ตอนเย็นไปกินอาหารที่ภัตตาคาร

อาหารที่นี่เป็นยังไงบ้าง มาดูค่ะ

ก็กินแบบโต๊ะจีนเลย



ปลานึ่งราดซอส




ไข่เจียว





หมูผัดซีอิ๊ว





ไก่ย่าง




ผัดผักกาดขาว




ผัดฟักแม้ว





ผัดมะเขือม่วงซีอิ๊ว





แค่มื้อแรก ก็มีแต่ผัดๆๆๆๆ ทอดๆๆๆๆ
อันไหนผัก ก็ผักล้วน ไม่มีเนื้อปน

อันไหนเนื้อ ก็เนื้อล้วน ไม่มีผักปน
น้ำจิ้มไม่มี น้ำปลาไม่มี
อร่อยกันแบบรสชาติธรรมชาติเลยค่ะ

กินอิ่มแล้วก็เข้าพักที่โรงแรม




ภายในห้องพัก 
ก็ประมาณนี้ค่ะ





นอนเอาแรง
ไว้สำหรับลุยพรุ่งนี้กัน

............................................



วันที่สอง
เริ่มด้วยถ่ายรูปหน้าโรงแรมที่พัก
วันนี้เราจะไป " เมืองจูไห่  "

ไปชม " บ้านเกิด ดร.ซุนยัดเซ็น "
อยู่ที่ถนนตงฟง หมู่บ้านซุ่ยเฮิงซุน




สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1892  
เป็นเรือน 2 ชั้น




ด้านนอกเป็นแบบยุโรป 
แต่ภายในตกแต่งแบบศิลปะจีน

ซึ่ง ดร.ซุนยัดเซ็นออกแบบด้วยตัวเอง
บริเวณรอบๆ ปลูกต้นไม้ร่มรื่น และ ตกแต่งด้วยหิน





ที่นี่จะคล้ายๆ พิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมๆ
อันนี้แสดงให้เห็นถึงพิธีแต่งงานของชาวจีน













ไหว้เทพเจ้าขอพรให้ได้งาน





อันนี้เป็นอาหารหลักๆ ที่ต้องจัดอยู่บนโต๊ะ






เสร็จจากที่นี่ เค้าให้ไป " ร้านผ้าไหม  "
เป็นแหล่งที่ต้องเสียทรัพย์ 

จะบอกว่าผ้าห่มและหมอน ทำจากไหม
นุ่มมากกก เบามาก

แล้วก็ต้องลองชิมชาอู่หลงจากที่นี่


จากนั้นก็ไป "ร้านหยก "

สำหรับใครที่ชอบครีมไข่มุก
ก็สามารถซื้อได้ที่นี่เลยนะคะ


เสร็จแล้วก็กินข้าวกลางวัน
ซึ่งนี่เป็นมื้อที่สอง 
มาดูกันว่าอาหารจะเหมือนเดิมมั้ย

ต้มจืดฟัก




ผัดแตงกวา






ไก่ย่าง 






ผัดมะเขือม่วง





ผัดผัก





ผัดคะน้าหมู






โอ้ยย อยากจะกรี้ดเป็นภาษาโปรตุเกส
ชั้นเบื่อ มีแต่ผัดๆๆๆ ผักๆๆๆๆๆ
และก็ซอสและน้ำมันเยิ้มๆ 
รสชาติจืดๆ มันๆ 

ชั้นคิดถึงอาหารไทยโว้ยยยย
คิดถึงความเผ็ด เปรี้ยว เค็ม
คิดถึงพริกน้ำปลา ช่วยด้วยยยย

ไม่ไหวละ ขอกินอะไรที่จรรโลงจิตใจหน่อย




ว่าแล้วก็จัดไอติม โยเกิร์ต มา 1 แท่ง
แม่ะ ผลิตปีเกิดเนยเลยค่ะ


กินเสร็จก็เดินทางต่อ
ไป " วัดผู่ถ่อ "












เป็นวัดจีนที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม
เพื่อให้ชาวจูไห่ได้สักการะเจ้าแม่กวนอิม






















มาถึงนี่แล้วก็ไหว้พระสักหน่อย

















จากนั้นก็ไปผ่อนคลายความเมื่อยล้า
ที่  "สถาบันสมุนไพร "

ด้วยการนวดฝ่าเท้า โดยการแช่เท้า
ที่มียาสมุนไพรจีนแช่อยู่










และที่นี่จะมีคุณหมอแผนโบราณมาวิเคราะห์
สุขภาพของคนที่อยากจะสอบถาม

แนะนำว่าอย่าสอบถามเลยค่ะ
พูดมาเนี่ย เนยมีปัญหาสุขภาพเยอะมาก
ง่ายๆ ก็คือ เค้าเน้นอยากขายของให้เรานั่นแหละ

แต่ถ้าใครชอบ ก็ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน
ได้เลยนะคะมีทั้งบัวหิมะของแท้ 
มีน้ำมันชะมดมีแผ่นกอเอี๊ยะ ฯลฯ


จากนั้นก็ไป Shopping ที่ "ตลาดใต้ดินก๊งเป่ย"




ตลาดนี้ตั้งอยู่ติดชายแดนมาเก๊า
เป็นศูนย์การค้าติดแอร์
มี 5,000 กว่าร้านค้าที่นี่

มีสินค้าให้เลือกมากมาย เช่น
สินค้าก้อปปี้แบรนด์เนมชั้นนำ
เกรด Mirror มีให้เลือกเพียบ

มีทั้งรองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา 
เป็นที่นิยมมากของชาวมาเก๊าและฮ่องกงค่ะ

มาที่นี่เนยซื้อกระเป๋าเดินทางกลับหลายใบ
เพราะของงอกค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

นอกจากของช้อปปิ้งก็ยังมีของกิน
อันนี้ร้านผลไม้ เค้าขายกันเป็นขีด
แบบชั่งน้ำหนักค่ะ ขายไม่เหมือนบ้านเรา










เสร็จจากนี่ก็ไปกินข้าวเย็น
มื้อนี่มีเมนูพิเศษ อาหารทะเล ซีฟู้ด

เป๋าฮื้อ + ไวน์แดง












โอ้ย อยากได้น้ำจิ้มซีฟู้ด!!!

สำหรับวันที่สอง
ก็จบลงเพียงเท่านี้

.........................................................



วันที่สาม
วันนี้เราจะข้ามกลับไปที่ "มาเก๊า"  เหมือนเดิม





ที่แรกเราจะไปนมัสการ
'' เจ้าแม่กวนอิมปรางค์ทอง "


สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์
สูง 18 เมตร หนัก 1.8 ตัน






ประดิษฐานอยู่บนฐานดอกบัว
ดูงดงามอ่อนช้อย สะท้อนแดด
เป็นประกายทองอร่ามเลยค่ะ






เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เป็นเจ้าแม่กวนอิมลูกครึ่ง
เพราะรูปร่างเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิม
แต่พระพักตร์เป็นพระแม่มารี






เนื่องจากเป็นเจ้าแม่กวนอิมที่โปรตุเกสสร้างขึ้น
เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับมาเก๊า
ในโอกาสส่งมอบมาเก๊าคืนให้กับจีนค่ะ



ต่อไปเราจะไป " วัดเจ้าแม่กวนอิม  ''
ที่มีอายุกว่า 600 ปี!!!





วัดนี้มีตำนานความศักดิ์สิทธิ์มากมาย
ขออะไรก็มักจะได้









เนยเลยบน ขอพรเจ้าแม่กวนอิม
ขอเงิน 10 ล้านค่ะ

ถ้าได้แล้วต้องมาแก้บนที่นี่อีกครั้ง





นอกจากขอเงินแล้ว 
เนยก็ของานอีก 
ขอให้ได้งานตามที่พ่อแม่อยากให้เนยได้
เป็นลูกที่ดีต้องทำให้พ่อแม่ภูมิใจ





ขอ ขอ ขอ แล้วก็ขอ






นี่ตั้งสมาธิ ตั้งจิตอธิษฐานมาก








แล้วก็ได้เวลากินข้าว
อาหารกลางวัน วันนี้เป็นสไตล์โปรตุเกส
รู้สึกดีใจมากค่ะ ที่ไม่ใช่อาหารจีน ฮ่าๆ

อันนี้มันคืออาหารขึ้นชื่อ
ต้องกิน เรียกอะไรไม่รู้จำไม่ได้ละ
อร่อยดี เค็มๆ มันๆ กรอบนอกนุ่มใน






ชอบอันนี้มาก ซุปมะเขือเทศ
ร้อนๆ เปรี้ยวๆ อร่อยค่ะ







อันนี้คุ้นหน้าคุ้นตาดีอยู่แล้ว
สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ
ต่างกับบ้านเราตรงที่ มันทำไมไม่มีหมูสับเลยฟะ!!






อันนี้คล้ายๆ ผัดเปรี้ยวหวานอ่ะ






อันนี้คล้ายๆ ไก่ผัดกระเทียม






อันนี้ไก่ทอด





ตบท้ายด้วยของหวาน
พุดดิ้ง


ตั้งแต่มาเที่ยวที่นี่
มีมื้อนี่แหละที่อร่อย พอกินได้ 
คล้ายอาหารบ้านเรา


อิ่มแล้วก็เดินทางต่อได้
ไป " วิหารเซนต์พอล "






เป็นโบสถ์ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน







ด้านหลังของโบสถ์มีพิพิธภัณฑ์
จัดแสดงประวัติของโบสถ์






โบสถ์เซนต์พอลนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น....

"อนุสาวรีย์แห่งศาสนาคริสต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ในดินแดนตะวันออกไกล"


ใกล้ๆ กันนี้มี " ร้านขนมขึ้นชื่อของมาเก๊า "









เนยลองกินแล้ว เหมือนทาร์ตไข่ของ KFC เปี๊ยะ
คือเปี๊ยบเลยค่ะ 
ใครที่อยากกิน ไม่ต้องบินมาถึงนี่ก็ได้ ฮ่าๆ



แถวนี้ก็จะเป็นย่านช้อปปิ้งเบาๆ ค่ะ





ให้เราได้เลือกซื้อของที่ระลึก ของฝาก





ได้เดินเล่นถ่ายรูป










แล้วก็ไปต่อกันที่ " The Venetian "
ที่นี่จำลองที่ Venice อิตาลีมาเลยค่ะ
ไม่ต้องไปไกลถึงยุโรป













ก้อปมาเป๊ะ มีเรือ Gondola ด้วย







ไม่ได้นั่งหรอก เวลาไม่พอ
ไปเดิน Shopping ดีกว่า







มีร้านค้าแบรนด์เนมชื่อดังมากกว่า 350 ร้าน






มีภัตตาคารมากกว่า 30 แห่ง

มีคาสิโน ที่คนเยอะมากกกก








เราจะได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมเวนิวสรีสสเคป
สีสันสดใส





ใกล้ๆ กันนั้น เราสามารถเดินไปชม
แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเกาะมาเก๊า
นั่นก็คือ  " The Parisian  "




หอไอเฟลจำลอง ห้ามพลาดมุมถ่ายรูปเก๋ๆ

เพลิดเพลินกับเสน่ห์และความโรแมนติก
ของ " ปารีสแห่งเอเชีย  "


บริเวณเดียวกันนี้จะมีร้านแบรนด์เนม
ให้ช้อปปิ้งมากกว่า 500 ร้านค้า
ชวนให้นึกถึงถนนฌ็องเซลิเซ่ในกรุงปารีส


มีการแสดงดนตรีริมทาง ละครใบ้
การแสดงเปิดหมวกต่างๆ ด้วย


เครื่องเล่นม้าหมุน ตู้เกม ร้านอาหาร
เป็นเสมือนกรุงปารีสอย่างแท้จริง




สำหรับวันนี้มาเล่าให้ฟังแค่นี้ก่อนนะคะ
เดี๋ยวจะมาเขียน Part 2 
พาเที่ยวปักกิ่ง ปีนกำแพงเมืองจีน




....................................
..............



มาต่อกันที่ Part 2 
อันนี้เนยไปเที่ยวมาเมื่อปี 2011


แอร์จีนสวยมาก





ช่วงที่ไปเป็นฤดูหนาวค่ะ
บรรยากาศเลยอึมครึมๆ 











ที่แรกไปเที่ยว "จตุรัสเทียนอันเหมิน "


ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์รวมชาวจีนเลยทีเดียว




















"เป็นจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก"

เป็นสัญญลักษณ์ของประเทศจีนยุคใหม่





ชมศาลาประชาคมที่สามารถบรรจุคน
ได้นับหมื่นคน
เป็นสถานที่จัดงานพิธีเฉลิมฉลอง
เนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ 




และเข้าสู่นครโบราณ หรือ
 "พระราชวังต้องห้ามกู้กง"








เป็นสถานที่ว่าราชการและที่ประทับ
ของจักพรรดิ์ 24 พระองค์
ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง






ชมโบราณสถานและสิ่งก่อสร้าง
ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์




สร้างขึ้นบนพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร




มีห้องถึง 9,999 ห้อง



ชมตำหนักว่าราชการ 
พระตำหนักชั้นใน
ห้องบรรทมของจักรพรรดิ์








ภายในบริเวณก็จะมีชาวจีนมาขายของ






ลองกินพุทธาเชื่อมดู อร่อยดีค่ะ







ผิวโกล์วดูมีออร่าด้วย SKII 3 ตัวนี้เลย

เชื่อว่าสาวไทยหลายๆ คน ต้องการมีผิวที่สวยสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ นั่นก็คือ ปราศจากสิว รอยดำ รอยแดงจากสิว สีผิวสม่ำเสมอ ผิวอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน ดู...