วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ที่สุด..ของที่สุด มันมีที่ Dubai ที่เดียว!!



สวัสดีค่ะ
นี่ก็ขึ้นปี 2017 แล้ว 
แต่เนยเพิ่งจะว่างเขียน blog 
ที่ไปเที่ยวมาเมื่อปี 2016!!

ต้องขออภัยเพื่อนๆ ที่รออ่าน
เรื่องเล่าจากการไปสัมผัส "นครดูไบ"
ของเนยด้วยนะคะ ข้ามปีกันเลยทีเดียว
แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
^_________^


เริ่มจากวันแรก!!
อยากจะบอกว่าตื่นเต้นมากกกกก
เพราะนี่เป็นการไปดูไบครั้งแรกของเนยกับแม่

เราสองคนเคยทราบมาว่า
ที่นี่มันเมืองของคนรวย 
มีแต่เศรษฐีอยู่ อะไรก็หรูหราฟู่ฟ่าไปหมด
เหมือนที่เพื่อนๆ เคยเห็นใน internet มา
นั่นแหละค่ะ ไม่คิดไม่ฝันว่าเราจะได้ไปเห็น
ด้วยตาตัวเอง


เนยกับแม่ขับรถมาจากพิษณุโลก
เพื่อมารอ flight ที่สุวรรณภูมิ




ทริปนี้ไปกันตามประสา 
"สาว สาว สาว"




ไปดูไบด้วยสายการบิน Emirates 
อยากจะบอกว่าแอร์สวยมากกกก

ชอบอ่ะ หน้าคมๆ 
เครื่องแต่งกายก็สวย


ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง





ที่ประทับใจอีกอย่างคือ....
เค้ามีบริการถ่ายรูปจากกล้องโพลารอยด์ให้ด้วย
ฟรี!! ทุกที่นั่ง!!



ถ้าถ่ายแล้วไม่สวย ผมไม่เป๊ะ หน้าไม่ผ่าน
ถ่ายใหม่ได้เรื่อยๆ จนกว่าท่านจะพอใจ!!

แอร์ยิ้มแย้มแจ่มใส 
บริการทุกระดับประทับใจจริงๆ ค่ะ


วันแรกไม่มีโปรแกรมเที่ยวเลย
เหมือนเป็นวันแห่งการเดินทางจริงๆ

วันนี้เราพักกันที่....
โรงแรม HILTON GARDEN INN AL MINA
เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวค่ะ



มาดูภายในห้องกัน!!





จริงๆ โรงแรมมีไดร์เป่าผม
เนยก็ว่าโอเคละนะ
แต่นี่มียันเตารีด กับ กระดานรีดผ้าให้เราด้วย





มาดูห้องน้ำกันบ้างดีกว่า





มีใครเป็นเหมือนกันบ้าง
คือจะต้องเก็บอีพวกนี้เป็นที่ระลึกกลับบ้าน




เก็บมาหมดทุกชิ้น ไม่มีเหลือค่ะ ฮ่าาาาา

แล้วด้วยความที่มันยังไม่ดึก
พวกเนยก็เลยอยากลงไปดูบรรยากาศ
ยามค่ำคืนของเมืองดูไบบ้าง

เจอร้านขายบารากุ และ อุปกรณ์
อยู่แทบทุกมุมถนนเลยค่ะ


บรรยากาศเงียบ เหงามาก
ไม่มีคนเดินพลุกพล่านเลย
อย่าไปเดินคนเดียวนะคะ มันมืด และดูอันตราย
......................................

วันที่สอง
เดินทางไปรัฐอาบูดาบี 
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ U.A.E

วันนี้จะไปเที่ยวโบสถ์
ซึ่งเค้าย้ำแล้วย้ำอีกว่า...
"ต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย
ผู้หญิงต้องใส่ขายาว แขนยาว มิดชิด"

ไอ้เราสองแม่ลูกก็เตรียมมาตามนั้นละนะคะ
สรุปว่า...ไม่ผ่านทั้งคู่ค่ะ



พี่ไกด์บอก..ผ่านอย่างเดียวคือหน้า!!
หน้าได้ค่ะ แขกมาก ฮ่าๆๆๆๆๆ

ผมก็ต้องห้ามรุงรังนะคะ
ต้องโพกแบบชาวมุสลิมแบบนี้เลยค่ะ




เมื่อเครื่องแต่งกายพร้อมแล้ว
เราก็เดินทางไปกันเลย

สุเหร่าหลวงของเมืองอาบูดาบี
Sheikh Zayed bin Sultan al Nahyan Grand Mosque

มองจากภายนอก
เดี๋ยวจะพาเข้าไปชมข้างในกัน!!

ต้องเช่าชุดสีดำ ชุดละ 10 AED




ที่นี่เป็นสุเหร่าที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก!!!
เป็นสุเหร่าประจำเมืองของท่านชีค
ที่ก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตต์
ที่ท่านสร้างไว้ก่อนจะสวรรคต



ถ้าเราแต่งตัวมาไม่ถูกต้อง
เราจะต้องถูกบังคับให้ใส่ชุดดำคลุมทั้งตัว
แบบที่เห็นนั่นนะคะ
ไม่งั้นจะห้ามเข้าเด็ดขาด!!





และแล้วเราสองคนแม่ลูกก็กลายเป็นสาวอาหรับ
เต็มตัว พอได้มั้ยคะ??








ใช้เวลาก่อสร้างสุเหร่าทั้งหมด 10 ปี!!






สิ่งก่อสร้างล้วนเป็นสีขาว
และเป็นศิลปะเฉพาะตัวของอาหรับค่ะ






มาดูศิลปะด้านในสุเหร่ากันบ้าง
ที่เห็นนี้เป็นทองคำนะคะ

เป็นโคมไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก
คริสตัล 1 ล้านลูก



ลวดลายวิจิตรงดงามมาก






เดินในนี้ต้องสำรวมกิริยาวาจามากๆ เลยนะคะ
เพราะจะมีคนคุมเข้มทุกๆ ช่วง

วิ่ง...ไม่ได้
หัวเราะ คุยกันเสียงดัง...ไม่ได้
กระดี๊กระด๊า...ไม่ได้
ถูกเนื้อต้องตัวผู้ชาย..ก็ไม่ได้!!
แม้จะเป็นสามีภรรยากันก็ตามค่ะ


รถบัสโดยสารประจำทาง
ต้องนั่งแยก ชาย-หญิง
หญิงนั่งโซนหน้า ชายนั่งโซนหลัง

เด็กผู้ชาย ถ้าอายุ 7 ขวบขึ้นไป
ต้องนั่งแยกกับแม่!!




รูปนี้คือ..กรี้ดดดดด
คนนี้หล่อ คือนานๆ จะเจอผู้ชายอาหรับหล่อค่ะ
แต่มันแสดงอาการไม่ได้ไง เลยแอบถ่ายมา



เพดานของสุเหร่า



โอ่โถงมากๆ เลยค่ะ








ในสุเหร่าผู้หญิงจะใส่ชุดคลุมทั้งตัวสีดำ
เรียกว่า ชุด "อาบาญ่า"

ส่วนผู้ชายก็คลุมทั้งตัวแต่สีขาวค่ะ
เรียกว่าชุด "แคนโดร่า"
เป็นชุดราชการ



ผู้ชายจะใส่หรือไม่ใส่ผ้าโพกหัวก็ได้
แต่ผู้หญิง ไม่ได้ค่ะ!!




สุเหร่านี้สามารถรองรับการทำพิธีละหมาด 
ได้ถึง 40,000 คน !!






เก็บกดจากการเรียบร้อยมานาน
พอออกจากสุเหร่าปุ๊ป ขอซ่าส์ทันทีค่ะ

ภายใต้ชุดดำที่ใส่่ไปสุเหร่า..




จะออกไปดูวิวเมืองอาบูดาบีบ้าง


 


แต่งตัวเหมือนจะไปถ่าย Fashion Week








มีตึกรูปทรงแปลกๆ มากมาย
ดูแล้วเหมือนทุกอย่างมีศิลปะ





บ้านเราเวลาคิดราคาคอนโด หรือ ห้องพัก
เค้าคิดเป็น ตารางเมตรใช่มั้ยคะ

แต่ที่ดูไบ เค้าคิดเป็น ตารางฟุต!! 

บ้านที่นี่ราคาเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท!!
ต้องซื้อด้วยเงินสดเท่านั้น!!

คนที่นี่เค้าได้สิทธิรักษาพยาบาลฟรี!!


ที่นี่อาหารแพง ค่าใช้จ่ายแพง
แต่รถกับน้ำมัน ราคาถูก!!

ที่เราเห็นเป็นพื้นดินนี่
ทั้งหมดเกิดจากการถมทะเล และ ขุดทะเลค่ะ




ที่นี่เวลาประชากรถึงวัยเกษียณ
จะได้ 10 ล้านบาท + บ้าน + ที่ดิน


ค่าเรียนมหาวิทยาลัยที่นี่
แพงกว่าที่อเมริกา 2 เท่า!!


ดูไบไม่มีน้ำจืด!!
เค้าเอาน้ำทะเลมาทำเป็นน้ำจืดค่ะ

น้ำที่ใช้ล้างหน้า ล้างจาน อาบน้ำ
เป็นน้ำที่เอาไปรดน้ำต้นไม้


และต้องมาดูความยิ่งใหญ่อลังการของ
โรงแรมสุดหรู
ที่ใช้งบประมาณในการสร้าง
ถึง 96,000 ล้านบาท!!

โอ้วแม่เจ้า..เกือบแสนล้าน!!

นี่แค่ทางเข้าโรงแรมนะคะ
พวกเราไม่ได้เข้าไป
อยากถ่ายด้านในมาให้ดูนะ
แต่รั้วสูงมาก ถ้าไม่ได้เข้าพัก ถ่ายไม่เห็นจริงๆค่ะ
มันยิ่งใหญ่อลังการมาก

มองผ่านๆ นึกว่าพระราชวังสุลต่าน
ที่ไหนได้ นี่แค่โรงแรมเท่านั้น!!



โรงแรมนี้ใช้เงิน ทอง และหินอ่อน
เป็นวัสดุในการก่อสร้าง
โคมไฟสั่งทำจากแก้วคริสตัล
ของสวารอฟสกี้ถึง 1,002 ชิ้น

ใครไปพัก ถ่ายรูปมาให้ดูหน่อยนะคะ

..................

ต่อมา...
พวกเราจะไปตะลุยสวนสนุกกลางแจ้ง
ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Ferrari World Theme Park




เป็นสวนสนุกในร่มแห่งแรก และใหญ่ที่สุดในโลก 
พื้นที่ทั้งหมด 200,000 ตารางเมตร 




สัมผัสกับเรื่องราวความเป็นมาของเฟอร์รารี่ 





ด้วยเวลาที่จำกัด
ทำให้เนยและแม่จำเป็นต้องเลือกเครื่องเล่น
ที่คิดว่า "เด็ด" ที่สุด ก่อน

พี่ไกด์บอกว่า ถ้าต้องการความมันส์
ต้องจัด 2 เครื่องเล่นนี้

ตามมาดูว่าจะเป็นยังไง

เจ้าเครื่องเล่นนี้ชื่อว่า
'Formula Rossa'




เป็นรถไฟเหาะ ที่เร็วที่สุดในโลกกก

ความเร็ว 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คือเร็วมากกกกกกกก




รางสูงสุด สูงถึง 52 เมตร



แล้วดูสิ รางคดเคี้ยวมาก

เล่นแล้วเป็นยังไงน่ะหรอ

คือตัวมันพุ่งทะยานด้วยความเร็วของเครื่องเล่น
จนวิญญาณตามไปไม่ทันอ่ะ

หัวใจจะวายตาย!!!

เครื่องเล่นต่อมา...

'Fiorano GT Challenge'

เป็นเครื่องเล่นที่ 'เหวี่ยง' ได้สุดยอดมาก
คือเล่นเสร็จ คอเคล็ดอ่ะ พูดตรงๆ

เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา เหมือนแค้นกุมาจากไหน

ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ เวียนหัวอยู่
ต้องลองไปเล่นเองนะ แล้วจะรู้!!

ค่ารถไปส่งสวนสนุก 500 บาท/คน
ค่าเข้าสวนสนุก 2,500 บาท/คน
ช้อปปิ้งของนิดหน่อยอีกประมาณ 400 AED

.............

และค่ำคืนนี้ก็มีโปรแกรมสุดพิเศษ
ที่เหมือนฟ้าจะประทานมาให้

เพราะเป็นช่วงที่เราไปเที่ยวดูไบพอดี
อันนี้เป็นความฝันของคุณแม่เนยเลย

ว่าอยากไปดูฟุตบอลการแข่งขันระดับประเทศ
ใครจะไปนึกว่าจะได้ดูจริงๆ

เป็นแมชที่ไทยแข่งกับดูไบค่ะ


แม่เนยชอบเชียร์มวย กับ ฟุตบอลมาก
เชียร์ทีดังไปสามบ้าน แปดบ้าน
ไม่ต้องบอกว่า แมชนี้จะดังขนาดไหน

เอาเป็นว่า อีกวันไม่มีเสียงกันทั้งแม่ทั้งลูก!!

แฟนบอลชาวไทยส่วนใหญ่
จะเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ที่นั่นค่ะ

เราก็ไปนั่งติดเลย เพื่ออรรถรถในการเชียร์!!




ส่วนแฟนบอลชาว U.A.E น่ะหรอ
เต็มสนาม!!!!!




มีการเปลี่ยนตัวด้วย 




คู่แข่งจะเยอะแค่ไหน เราก็กรี้ดๆๆๆ
ให้กำลังใจทีมชาติไทยค่ะ




ตอนแต้ม 0-0 มันไม่เท่าไหร่
พอแต้มวิ่งเท่านั้นแหละ เชียร์มันขึ้นทันที ฮ่าๆๆๆๆ





จัดเต็ม พกทั้งธงชาติไทย และ สติกเกอร์ติดหน้า
มาจากประเทศไทย 
แบกใส่กระเป๋ามาเพื่องานนี้โดยเฉพาะค่ะ




ส่วนเพื่อนเนยคนนี้ เป็นแฟนคลับจากหนังสือ
ดีใจมากๆ ที่มาดูตัวเป็นๆ แข่ง





อยากให้เห็นบรรยากาศ
เลือดรักชาติมันจะพลุ่งพล่านขนาดไหน
มาดูค่ะ!!





ได้ลงในโพสต์ข่าวของ "ทีมชาติไทย" ด้วยน้า






ค่ารถไปส่งสนามฟุตบอล 1,000 บาท/คน
ค่าบัตรเข้าชมฟุตบอล 200 บาท/คน
........................................................



วันที่สาม....

ถ่ายรูปจากมุมไกลๆ 
วิวโรงแรม  BURG AL ARAB 








เป็นโรงแรมที่สวยที่สุดและมีชื่อเสียง
ของตะวันออกกลาง




เป็นโรงแรมที่ผู้คนใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสเข้าไปสัมผัส
อยากเข้าพัก



ตั้งอยู่ริมอ่าวอาหรับ
เป็นที่ัพักของเศรษฐีชาวอาหรับค่า

ใครเคยไปพัก ถ่ายรูปมาให้ดูบ้างน้า
เนยคงมีโอกาสแค่ถ่ายเป็นวิว ฮ่าๆๆๆๆ

ต่อมาก็ไปศูนย์การค้ารูปทรงอาหรับโบราณ
MADINAT JUMEIRAH SOUK
ตั้งอยู่ติดทะเล




จากที่นี่...เราก็สามารถได้วิวตึกเมื่อกี้ได้ค่ะ
สวยไปอีกแบบ




เดินเข้ามาในศูนย์การค้าเรื่อยๆ 
เตาจะพบความสวยงามของการตกแต่ง
สไตล์อาหรับ




มีร้านค้ามากมายให้เลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึก
อยากจะบอกว่าราคาถูกมากกกกก
ไม่ได้แพงอย่างที่คิดค่ะ




แต่ราคาแต่ละร้านอาจจะไม่เท่ากัน
บางร้านแถมเยอะ บางร้านแถมน้อย
ต้องลองสำรวจดูเองน้า




ถามว่าซื้ออะไรดี
ก็มีพวกพวงกุญแจ กระจก ที่ใส่ของเล็กๆ น้อย
ที่นี่จะมีอยู่ไม่กี่อย่างค่ะ

จะมีรูปอูฐ ตะเกียง สองอันนี้คือสัญลักษณ์เลยค่ะ





แต่สำหรับคุณผู้หญิง เนยอยากจะนำเสนอ
ชุดของอาหรับค่ะ
ผ้าดีมากกกกกกก ทิ้งตัว มีน้ำหนัก
ไม่ยับ เนื้อนุ่ม โปร่ง โล่ง ใส่สบาย
ใส่แล้วเย็นๆ พริ้วๆ สวยมาก
ราคาก็ไม่แพงเลยค่ะที่นี่




อีกอย่างหนึ่งที่ฮิตมาก ก็คือ พรมค่ะ
ถ้าอยากได้พรมวิเศษ กับ ตะเกียงอาลาดิน
ต้องลองเสี่ยงดูนะคะ เผื่อจะเจอ ฮ่าๆๆๆๆ





ที่นี่มีร้านค้ามากมายให้เลือกช้อป
อย่าหวังเอาน้ำบ่อหน้านะคะ
ซื้อได้ ซื้อเลยค่ะ ที่อื่นราคาสูงกว่านี้!!



บริเวณรอบๆ ของที่นี่สร้างเป็นสระน้ำ
มีเรือ GONDORA ของอิตาลี



สามารถล่องเรือชมความสวยงามฃ
ของบรรยากาศรอบๆ พลาซ่าได้

จากที่นี่ก็เสียทรัพย์ไปประมาณนึง
ได้ตุ๊กตาอูฐไปฝากน้องๆ คนละตัว
พวงกุญแจอีกกระบุงนึง
ใช้ไปประมาณ 400 AED

ต่อมา....
พาชมเมืองโดยการนั่งรถไฟฟ้า 
  Dubai Monorail  
เข้าสู่สถานี ATLANTIS, THE PALM 








วิวทั้งสองข้างทาง
เราจะเห็นโครงการมหัศจรรย์ที่เป็นการคิดค้น
การอยู่อาศัยในอนาคต

โดยนำทรายมาถมทะเล 
เป็นรูป "อินทผลัม"




บ้านในปาล์มราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านดอลลาร์
บ้านทุกหลังในปาล์มมีสระว่ายน้ำทุกหลัง!!
และสามารถเดินลงทะเลได้หมดทุกหลังค่ะ

 


โรงแรมตรงกลางปาล์มนี้
ราคาเข้าพักคืนละ 900,000 บาท!!




ไหนๆ ก็พูดถึงความอลังการของราคาแล้ว
เราจะมาต่อกันด้วยภาพจริง เสียงจริง
ที่เนยไปสัมผัสมาด้วยตาตัวเองสักนิดละกันค่ะ

มีรถลีมูซีนจอดอยู่ทั่่วไป
คือปกติที่เราเห็นลีมูซีนทั่วๆ ไป
มันจะเป็นรถหรูๆ ป่ะ

อันนี้มีรถทุกประเภท ที่เป็น ลีมูซีน


ที่เห็นนั่นคือ....
ป้ายรอรถประจำทาง
คือติดแอร์ทุกที่ๆ มีที่นั่งรอแบบนี้
ทั่วเมืองนะคะ
เข้าไปแอร์เย็นฉ่ำ 
กรี้ดดดดดดดดดดด!!!


ดูไบไม่ได้รวยเพราะน้ำมันนะคะ
แต่รวยเพราะเป็นเมืองท่า

รายได้หลักของดูไบ
1. เมืองท่า
2. ท่องเที่ยว
3. เรือครูซ
4. เป็นเมืองเศรษฐกิจ
5. ค่าปรับ!!!

ต้องบอกว่ากฏจราจรที่นี่โหดมากกกกก

ขับเร็วไม่ได้!
ค่าปรับบ้านเรา ขับเร็ว 500 
ที่นี่ขับเร็วครั้งละ 6,000 บาท


เดี๋ยวจะมาโชว์ความอลังเรื่อยๆ นะคะ
ตอนนี้ขอพาเที่ยวต่อก่อน

มันได้เวลาที่พวกเรารอคอยแล้ว
ที่อยากจะลองกับเค้าสักครั้งในชีวิต
นั่นก็คือ.......

  ท่องทะเลทราย   
   DESERT SAFARI  
นั่นเองค่า

ไกด์ให้กลับไปเปลี่ยนชุดที่โรงแรม
ไอ้เราก็เตรียมตีมละจากการช้อปปิ้งชุดพื้นเมือง
เลยเอาชุดที่มันสีตัดกับสีน้ำตาล
ของผืนทราย แต่น...แตน...แต๊น...

สวยให้ 5 มั่นหน้าให้ 100 ค่ะ




รถที่เราจะไปล่องทะเลทราย
จะเป็นรถโฟลวีล แบบนี้นะคะ

ไอ้เราก็จินตนาการไม่ออก ว่ามันจะมันส์ยังไงฟะ
รถแบบนี้!!


เพราะก่อนมา เนยไปอ่านใน internet 
เค้าบอกว่า เวียนหัวมาก มีอ้วก

เราเลยจับกลุ่มกัน
รวมคนขับ นั่ง 5 คน


เค้าจะมีให้เราเลือก level 
มีแบบเบาๆ และแบบเอ๊กตรีมส์
ด้วยความที่คันเรามีแต่ผู้หญิงบอบบาง
เลยขอแบบซอฟท์ๆ ค่ะ


และด้วยความที่เนยชอบความมันส์
เลยขอนั่งเบาะหลัง ที่มันตรงกับล้อหลังเลย

เอาให้มันเด้งๆ กระแทกๆ ชอบบบบบ



เซฟตัวเองสุดฤทธิ์ด้วยการคาดเข็มขัด พร้อมลุย!!





ขับไปแปปนึง ตอนนั้นยังไม่รู้สึกว่ามัน
น่าเวียนหัวตรงไหน

สงสัยใน internet จะหลอกเราซะละ!!
เพราะสิ่งที่เราเจอคือ เค้าก็ขับนุ่มดีนี่นา

ถึงจุดแรก เค้าก็จอดให้เราลงสัมผัสบรรยากาศ
และความร้อนระอุของทราย




ไอ้ร้อนน่ะ ไม่เท่าไหร่
แต่ลม ค่ะ ลม!!
แรงมากกกก แรงไปไหน
 เอาเป็นว่าทรงตัวแทบไม่อยู่ จะปลิวไปตามลม

หัวหู ตาเตอ ไม่ต้องพูดถึง
ทรายทั้งนั้น

อย่าได้เผลออ้าปากนะคะ 
กินทรายเข้าไปอึกใหญ่ๆ เลยค่ะ เต็มคอ!!



สิ่งที่ห้ามลืมเลยสำหรับทริปทะเลทรายนี้คือ

1. ถ้าเมารถ ต้องแจ้งหัวหน้าทัวร์ก่อน
เพื่อที่จะกินยาก่อน 30 นาทีนะคะ

2. อย่าลืมนำเสื้อกันลม แว่นตา กล้องถ่ายรูปมา

เน้นเลยค่ะ ที่สำคัญสำหรับเนยมาก
จากประสบการณ์ตรงเลยคือ
แว่นตา!!!!

เพราะมันลืมตาไม่ได้ค่ะ 
ทรายเข้าเต็มๆ 




จอดรถถ่ายรูปก็อย่าลืมจำหน้าคนขับ
กับป้ายทะเบียนรถไว้ด้วยนะคะ
เค้าจอดกันเป็นกลุ่มๆ
ไม่งั้นหลงแน่ แยกหน้าคนขับไม่ออก 
แต่งตัวก็เหมือนๆ กันทุกคนอีก พี่เพลีย!!



พอขึ้นรถอีกรอบเท่านั้นแหละ รู้เรื่อง!!!
ไปดูในคลิปกันเอาเอง!!




กรี๊ดเสียงหลงกันทุกคน
คือเนินมันมีทั้งสูง ทั้งต่ำ ทั้งเหว 
ละล้อมันปัดไง เวลาขึ้นเนิน ลงเนิน
น่ากลัวมากกกกก
หวาดเสียวระดับ 10!!

ใครชอบแนวนี้นะ ไปดูไบ อย่าพลาด!!!
ดูทางเอาละกันค่ะ เวลารถวิ่งบนสันเขา



ลองดูคลิปค่ะ


หลังจากเมามันส์กับการนั่งรถตะลุยเนินทราย
จนไส้แทบจะทะลักออกทางปาก
 เราก็มาถึงจุดถ่ายรูปจุดที่สองนะคะ


 ขอสวีทกับแม่นิดนึง 




แม่นะคะ ไม่ใช่พี่สาว ฮ่าๆๆๆๆ



แม้ว่าปกติจะใส่แต่ส้นสูง
แต่มางานนี้ ถ้าใส่ส้นสูง คงกลายเป็นผีบ้านะคะ!!
ใส่แบบนี้เท่านั้นค่ะ ไม่งั้นจมทราย ฮ่าๆๆๆ




ถามว่าร้อนมั้ย ร้อนค่ะ
แต่เพื่อรูปสวยๆ ศรีทนได้





จุดที่สองนี้ คลื่นลมสงบมากค่ะ 













มีบริการถ่ายรูปที่ระลึก
ขายใบละ 50 AED



ภาพเบื้องหลัง สนุกสนานสุดๆ




พอตกเย็น
เราก็จะไป ชมพระอาทิตย์ตกดิน 
ในบรรยากาศสวยงามและโรแมนติก
แม่ะ ถ้าพาแฟนมาด้วยคงดี 
ติดตรงที่โสด เลือกใครไม่ได้สักที!! แฮร่








สัมผัสชีวิตแบบ "เบดูอิน" พื้นเมือง

 มีอูฐให้เช่าขี่  เสียตังค์นะคะ
ขี่ได้ 30 นาที
แต่ถ้าถ่ายรูปเฉยๆ ฟรีค่ะ





พักผ่อนในบรรยากาศ แคมป์กระโจม
แบบอาหรับ

มีของที่ระลึกเป็นการเพนท์เฮนน่า  ลายสวยงาม



เนยเพ้นท์ที่คอ
แต่แม่เพ้นท์ที่มือค่า
มีค่าใช้จ่าย 10 AED


ค่าเพ้นท์เฮนน่าลายละ 20 AED

กลางคืน ก็รับประทานอาหารค่ำที่นี่เลยค่ะ
เป็นแบบบาร์บีคิวเนื้อไก่ เนื้อแกะ โรตีร้อนๆ
ข้าวผัด สลัด เสิร์ฟในทะเลทราย




มีชา กาแฟ บริการ



มีของที่ระลึก ขายในงานด้วยนะคะ
เนยกับแม่จัดหมวกสไตล์ยิปซีคนละใบ
แม่ะ มันช่างเยอะ เข้ากับชุด




ค่าผ้าคลุมผม 40 AED

มีโชว์ระบำหน้าท้อง BELLY DANCE 
จากสาวสวย ที่มีหน้าท้องสะบึมค่ะ
คนอวบๆ คือคนเซ็กซี่สไตล์ของชาวอาหรับค่า








และก็มาถึงถิ่นแล้ว
เนยก็ของลอง บารากุ ซักหน่อย 

ผลเป็นไงคะ สำลัก!!!
ฮ่าาๆๆๆๆๆๆๆ



ค่าบารากุ หารกัน 4 คน
คนละ 10 AED

อากาศที่นี่มีแค่ หนาวกับร้อน
หน้าฝนนับครั้งได้เลยค่ะ ฝนแทบไม่เคยตก

ร้อนจัดประมาณ 50 องศา
..................

วันที่สี่....
ห๊ะ!! เพิ่งวันที่สี่
ใส่ไปกี่ชุดแล้ว นึกว่าวันที่ห้าที่หกละนะเนี่ย กร้าก

ชมพิพิธภัณฑ์  DUBAI MUSEUM 

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุด
ในตะวันออกกลางปพ






สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 19 
บูรณะครั้งล่าสุดปี 1970




เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวสำคัญ
ทางประวัติศาสตร์

วิถีชีวิตคนพื้นเมือง
เค้านอนกันแบบนี้





อาชีพต่างๆ





บอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์
ของอาหรับโบราณ




มีร้านขายของที่ระลึกค่ะ




ได้กระเป๋าน้องอูฐมาใบนึง 
ราคา 350 บาทเองค่ะ
ขนนุ่มมาก



ตอนบ่าย....
ล่องเรือ "ABBA" 
ข้ามฟากสู่ ....
ตลาดทอง GOLD SOUK 
และ ตลาดเครื่องเทศ SPICE SOUK

 เรือหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
มันจะหันหน้าออก เอาหลังชนกัน 





ที่นี่เป็นแหล่งของฝากในราคาย่อมเยาว์ค่ะ
จำพวก ถั่ว แมคคาเดเมียร์
อัลมอนด์ พิตาชิโอ 
และที่ขาดไม่ได้คือ อินทผลัม 
จากประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง








เป็น ตลาดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มีร้านทองนับร้อยๆ ล้าน เรียงรายอยู่ในตรอก

มีตู้โชว์หน้าร้านเหลืองอร่าม 
เต็มไปด้วยทองรูปพรรณ 
ทั้งสร้อย แหวน กำไล ต่างหู
โดยเฉพาะสร้อยคอนั้น จะมีลวดลายสไตล์สวยงาม



เดินช้อปกันจนเหนื่อย เมื่อยมากกก
แต่ไม่มีที่นั่ง ก็นั่งมันอย่างนี้แหละ




อยากจะบอกว่าอากาศร้อนมากกกกกกก
ปากแห้ง หิวน้ำ ตลอดเวลา




อันนี้เป็น high light ของที่นี่ค่ะ
แหวนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ชื่อว่า "NAJMAT TAIBA"



ผลิตโดยร้านจิวเวลรี่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย
เมื่อปี ค.ศ.2000
ใช้ช่างฝีมือกว่า 55 คน 
ผลิตอย่างต่อเนื่องวันละ 10 ชม.
เป็นเวลา 45 วัน



แหวนนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 490 มม. 
เส้นรอบวง 2,200 มม.
และมีน้ำหนักถึง 63.85 กก.

ผลิตจากทองคำ 21 กะรัต น้ำหนัก 58.7 กก.
ประดับด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ 615 เม็ด
น้ำหนักรวมมากถึง 5.17 กก.

ลงกินเนสบุคเรียบร้อย!!



จากที่นี่ ส่วนใหญ่จะได้ของฝากของคุณแม่ค่ะ
เอาไปฝากคุณพ่อ ฝากเพื่อนๆ ที่ทำงาน
หมดไปอีกประมาณ 500 AED


เสร็จจากนี่ก็ได้เวลา Shopping!!

ไปที่นี่ค่ะ
DUBAI MALL



ที่นี่น่าจะถูกใจเหล่าขาช้อปของแบรนด์เนม
และมีกระเป๋าหนัก!!!

เพราะเป็นห้างที่ใหญ่มากกกกก
เดินทั้งวันก็ไม่ครบ!!!

ยก GALLARIA LAFAYETTE
ห้างชื่อดังของฝรั่งเศษมาไว้ที่นี่

และยกห้าง BLOOMINGDALES 
ห้างสั่งตรงจากอเมริกา



เป็นแหล่งศูนย์การค้าแห่งใหม่ล่าสุดของดูไบ
เราสามารถสำรวจสินค้าแฟรนด์ไชน์
แบรนด์เนมจากทั่วทุกมุมโลกได้ที่นี่!!

ภายในห้างมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ

DUBAI AQUARIUM & UNDERWORLD ZOO



 ซึ่งขึ้นชื่อว่าใช้อะคริลิคในการประกอบตู้ปลา
ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ลงกินเนสบุคส์เรียบร้อยค่ะ



ต่อจากนั้น พอเดินช้อปปิ้งกันจนขาลาก
(แต่ไม่ซื้ออะไรเลย มันแพงงง) ฮ่าๆๆๆๆ

เดินจนเมื่่อย ก็หิวสิคะ 
ทำยังไงดี อาหารดูไบมันไม่อร่อยอ่ะ บ่องตง!!
แหลกแทบม่ายล่ายยย


ยังดีที่เจอ KFC ค่ะ 
กันตาย ไม่งั้น ยอมอดตายแน่นอน




หูยยยย!!
ดีใจจนเหมือนได้ฉลองอ่ะ
เอ้า ชน!!



ก็ได้เวลาขึ้นชม High Light ของที่นี่ค่ะ

นั่นก็คือ....
ขึ้นชมตึก BURG KHALIFA

เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกกกกก











ตึกนี้สูงถึง 828 เมตร!!!
เฮ้ย สูงเกือบหนึ่งกิโล!!

มีทั้งหมด 128 ชั้น!!


มีลิฟต์ที่มีความเร็ว 10 เมตรต่อ 1 วินาที!!
คือมันเร็วมากกก
เร็วแค่ไหน มาดูคลิป เนยถ่ายไว้




128 ชั้นใช้เวลาแป๊ปเดียว!!


มองจากจุดชมวิว



ภายในตึกจะมีโรงแรม
อพาร์ทเม้นต์ สำนักงาน และภัตตาคารหรูค่ะ

High Light ต่อมา
อันนี้น่าจะเป็นอันสุดท้าย ก่อนจะลากลับบ้าน

นั่นก็คือ การ ชมน้ำพุเต้นระบำ ค่า

มีฉากหลังเป็นตึก BURG KHALIFA
คนมารอชมมากมาย






การแสดงจะเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป
และจะเล่นทุกๆ 20 นาที

บรรยากาศเป็นยังไง มาดูค่ะ




ราคาทัวร์ต่อคนนะคะประมาณ 36,xxx บาท
ค่า VISA คนละ 1,500 บาท
ค่าไกด์ คนละ 50 AED
ค่าช้อปปิ้งเตรียมไป 50,000 นี่อยู่สบายละ
เหลือกลับมาด้วยซ้ำค่า ถ้าไม่ได้ช้อปแบรนด์เนมนะ


ปล. แต่เนยไปกันหลายสิบคนนะคะ 
กรุ๊ปเราเกือบร้อย
ราคาอาจขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ไป 
และช่วงเทศกาลด้วยค่า


เนยไปกับบริษัท BEELINETOUR.COM
33/7-8 ถ.จันทร์ แขวงช่องนนทรี
เขตยานนาวา กทม 10120
โทร.02-678-6088

ใครที่สนใจ ก็ลองติดต่อกันไปนะคร้าาาา


ผิวโกล์วดูมีออร่าด้วย SKII 3 ตัวนี้เลย

เชื่อว่าสาวไทยหลายๆ คน ต้องการมีผิวที่สวยสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ นั่นก็คือ ปราศจากสิว รอยดำ รอยแดงจากสิว สีผิวสม่ำเสมอ ผิวอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน ดู...